“Movie From That Day” หนังเรื่องนี้ฉายเมื่อวันนั้น เป็นการพาทุกคนย้อนกลับไปให้ชวนคิดถึงผลงานหนังเรื่องดังที่เคยออกฉายที่โรงภาพยนตร์เมืองไทย มาถึงคิวของหนังดราม่าอีโรติกอีกหนึ่งตำนานของวงการหนังไทย “ชู้ The Sin” ที่เป็นการหยิบเอานำมาปัดฝุ่นรีเมคใหม่ จากหนังต้นฉบับของ “เปี๊ยก โปสเตอร์” ในยุคปี 70 นำมาคลุกเคล้าสร้างใหม่ในเวอร์ชั่นที่เผ็ดร้อนและเป็นที่จดจำเป็นอย่างมาก
ชู้ เป็นเรื่องราวของความขัดแย้งของสามชีวิตบนเกาะห่างไกล เมื่อเทพเกิดหลงรัก เรียม หญิงสาวแปลกหน้าเข้าตั้งแต่แรกที่ได้เห็น โดยหารู้ไม่ว่าเธออยู่ในฐานะแม่เลี้ยงของตน รักต้องห้ามไม่อาจปกปิดไว้ได้ เมื่อเรียมตกอยู่ภายใต้อารมณ์รักอันรุนแรงของสามี จนทำให้เทพต้องเข้าปกป้องไม่ว่าจะเสี่ยงเพียงใด ทั้งคู่จึงตัดสินใจจะฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ได้แม้จะต้องถูกตราหน้าว่า เป็นชู้ก็ตาม
เทพ ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ ใช้เวลาช่วงหนึ่งของชีวิตไปกับการเดินทางและงานถ่ายภาพ ซึ่งให้บทเรียนในชีวิตมากมาย จนกระทั่งถึงวันที่เขาตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน เพื่อสะสางปมปัญหาที่เคยมีอยู่กับผู้เป็นพ่อ 15 ปีที่แล้ว หลังจากที่ชีวิตครอบครัวแตกแยก ภรรยาหนีไปกับชายชู้ ลูกชายหนีออกจากบ้าน เชิง ก็เหมือนหมดสิ้นทุกอย่าง เขาตัดสินใจย้ายลงใต้เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะชาวประมง หลายปีที่ผ่านไป เชิง ขยายกิจการจนเป็นเจ้าของเรือประมงหลายลำ ลูกเรือส่วนใหญ่เป็นชาวเลที่อาศัยอยู่บนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ จนถึงวันนี้ เขาคือนาย เชิง ที่ทุกคนนับหน้าถือตาและเพิ่งจะแต่งงานใหม่ได้ไม่นาน
เรียม คงจะจบชีวิตลงกลางทะเลไปเสียแล้ว หากวันนั้นเรือของนายเชิงไม่ผ่านมาเสียก่อน นายเชิงเสี่ยงชีวิตเข้าช่วยเหลือ เรียม เอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตครอบครัวที่เหลือของเธอไว้ได้หมด เรียมเหลือตัวคนเดียวและไม่มีที่พึ่งอื่นนอกจากนาย เชิง ผู้มีบุญคุณ จนถึงวันนี้ เธอใช้ชีวิตร่วมกับนายเชิงฉันท์สามีภรรยามาได้เกือบครบปีแล้ว แม้นายเชิงจะให้ชีวิตใหม่ แต่ในอีกด้านเขาคือผู้นำความทุกข์และความเจ็บปวดมาสู่เธอ
ระหว่างการเดินทางมาถึงเกาะ เทพ ได้พบกับ เรียม ที่ท่าเรือ วูบแรกที่พบ เทพ รู้สึกพึงใจในตัวหญิงสาว แต่เมื่อรู้ความจริงในภายหลังว่า เรียม คือภรรยาคนใหม่ของพ่อ เทพก็ต้องรีบสะกดกลั้นความรู้สึกนั้นไว้ เมื่อ เทพ มาถึง เชิง ต้อนรับลูกชายอย่างเย็นชา เทพ เข้ามาพักอยู่ด้วยชั่วคราว และในช่วงเวลานั้นเองที่ เทพ สังเกตเห็นปัญหาระหว่างสามีภรรยา เทพรู้ดีว่าพ่อเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง ชอบใช้กำลังและนี่เองที่เป็นสาเหตุทำให้แม่หนีไปกับชายอื่น แม้จะต้องการปกป้องหญิงสาวเพียงใด เทพก็ทำได้แค่เฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ
ความใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ เทพ แอบหยิบยื่นให้ ทำให้ เรียม รู้สึกดีขึ้น ทั้งคู่จึงเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้นในระหว่างที่ เชิง ไปออกเรือ จนกระทั่ง เชิง เริ่มผิดสังเกต จึงนำตัว เทพ ออกทะเลไปด้วยกัน หลายต่อหลายครั้งที่ เชิงพยายามทำให้ เทพ รู้สึกว่าไม่มีวันที่ใครจะเอาชนะตนลงได้ โดยที่ เชิง หารู้ไม่ว่าชัยชนะของตนกลับทำให้ เทพ และ เรียม เห็นอกเห็นใจกันมากขึ้น ประกอบกับความเข้าอกเข้าใจกันและกัน
ในที่สุดทั้งคู่จึงตัดสินใจก้าวข้ามเส้นแห่งความถูกผิดและเป็นของกันและกันในที่สุด เทพและเรียมลักลอบมีความสัมพันธ์กันในอ่าวเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งไม่มีใครรู้จัก แต่ไม่นานเชิงก็เริ่มสงสัย เพื่อต้องการจะพิสูจน์ความจริงให้เห็นกับตา เขาจึงเริ่มวางแผนว่าจะออกทะเลติดต่อกันหลายวัน เปิดโอกาสให้ เทพ และ เรียม ได้อยู่กันตามลำพัง ทั้งคู่ใช้เวลาช่วงสั้น ๆ นี้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาของ เชิง ซุ่มดูอยู่โดยตลอด เชิง พยายามข่มความแค้นไว้ในใจ แม้อยากจะฆ่าทิ้งเสียทั้งคู่ด้วยความแค้น แต่ก็ทำได้แค่เพียงไล่ลูกชายให้กลับไป
เทพ กับ เรียม ตัดสินใจจะหนีไปด้วยกัน โดยวางแผนไปเจอกันที่ท่าเรือบนฝั่ง ซึ่ง เทพ จะออกเดินทางไปรอล่วงหน้าก่อน แต่แล้วระหว่างทางเทพกลับถูกลูกเรือที่ เชิง ส่งมากักตัวเขาไว้ เมื่อเรียมมาถึงจุดนัดพบไม่เจอ เทพ จึงคิดว่า เทพ ทิ้งตนเสียแล้ว เทพฟื้นขึ้นมาและหนีออกจากเรือที่คุมขังได้สำเร็จ และรีบไปยังจุดนัดพบ แต่ที่นั่น เทพ กลับไม่พบ เรียม เขาหวนนึกถึงที่ ๆ เรียมเคยพูดไว้ เขาจึงรีบเดินทางไปยังอ่าวมรกต ซึ่งเรียมมักพูดเสมอว่าจะเป็นที่ตายของเธอ เส้นทางชีวิตของทั้งสองถูกขีดเส้นแบ่งระหว่างความรักกับศีลธรรมเขาและเธอจะทำอย่างไร?
หนังเป็นผลงานการกำกับของ “องอาจ สิงห์ลำพอง” ที่น่าจะเป็นผลงานเบื้องหลังเรื่องทิ้งทวน ก่อนที่ในปัจจุบันกลายเป็นผู้บริหารช่อง 8 พร้อมกับทีมนักแสดงคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็น “แอนดี้ วัชระ”, “สรพงษ์ ชาตรี” และ “เฮเลน นิมา” โดยหนังเรื่องนี้ถือว่าเป็นเคยเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไม่เบา เมื่อครั้งที่ออกฉายครั้งแรกในปี 2547 เพราะฉากเลิฟซีนและความอีโรติกที่เป็นที่กล่าวถึง
แม้ว่า ชู้ จะเป็นหนังอีโรติกรีเมคที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จทางด้านรายได้สักเท่าไหร่นัก เพราะทำเงินตลอดโปรแกรมฉายไม่ถึง 10 ล้านบาท แต่ก็ถือว่าเป็นหนังไทยที่อยู่ในยุคเฟื่องฟูของวงการ แม้ว่าหนังจะมีเนื้อหาที่รุนแรงและค่อนข้างวาบหวิว ซึ่งนับว่าหนังเรื่องนี้เป็นการจุดประกายในการจัดเรตติ้งและจัดกลุ่มผู้ชมในวงการหนังไทยมาถึงปัจจุบันนี้
- ประเภท: ดราม่า / โรแมนติก
- นำแสดงโดย: วัชระ ตังคะประเสริฐ, สรพงษ์ ชาตรี, เฮเลน นิมา
- กำกับโดย: องอาจ สิงห์ลำพอง
- ความยาว: 99 นาที
- เข้าฉายครั้งแรก: 10 มิถุนายน 2547 (กำหนดฉายในเมืองไทย)