The Athletic สื่อเมืองผู้ดี เปิดเผยว่า บอร์ดบริหารแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รู้สึกเสียใจที่เสนอค่าเหนื่อยมหาศาล 375,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ต่อสัญญากับ ดาบิด เด เคอา นายทวารสแปนิช เมื่อปี 2019
มือกาวทีมชาติสเปน กลายเป็นนักเตะค่าเหนื่อยแพงที่สุดในพรีเมียร์ลีกเมื่อ 2 ปีก่อน หลังเจรจาขยายสัญญาแบบดราม่ากินเวลานานกว่า 2 ปี
การทำสัญญาดังกล่าว การันตีเงินรายได้เข้ากระเป๋าของ “ลามะ” ทั้งสิ้น 75 ล้านปอนด์ ซึ่งดูเหมือนว่าบิ๊กบริหารในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ยังไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่
รายงานอ้างว่า การปรับเพิ่มสัญญามูลค่ามหาศาล ที่จะทำให้ เด เคอา อยู่กับทีมไปจนถึงปี 2023 นำไปสู่ความท้าทายมากมาย
การต่อสัญญาครั้งนี้นำไปสู่ผลลัพธ์ทำให้ค่าเหนื่อยภายในทีมไม่สมดุลกันระหว่างที่บอร์ดบริหาร กำลังควบคุมค่าใช้จ่าย ซึ่ง “ลามะ” ก็ฟอร์มตกอย่างต่อเนื่องอีกต่างหาก
การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้เกิดปัญหาในการเจรจาสัญญาใหม่กับสตาร์ของทีม โดยเฉพาะ ปอล ป็อกบา ที่รับค่าเหนื่อย 290,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ในเวลานี้ แพงสุดอันดับ 2 ของสโมสร
การเจรจาสัญญาใหม่ของ ป็อกบา ทำท่าว่าจะล้มเหลวเพราะนักเตะไม่ตอบรับเงิน 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งน้อยกว่าของ “ลามะ” เมื่อ 2 ปีก่อน และอาจทำให้ “ปีศาจแดง” ต้องขายเขาออกไปแบบขาดทุน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า แข้งเฟร้นช์แมน มองว่าตอนนี้ ตนเองมีบทบาทในสนามมากกว่า เด เคอา ที่เสียตำแหน่งให้ ดีน เฮนเดอร์สัน นายทวารดาวรุ่ง อย่างชัดเจน และน่าจะสร้างรายได้เชิงพาณิชย์ได้มากกว่าอีกต่างหาก แต่กลับได้ค่าเหนื่อยถูกกว่า
นอกจากนั้นเชื่อว่า สัญญาของ เด เคอา จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเจรจาต่อรองสัญญาใหม่ของ บรูโน่ แฟร์นานเดส เพลย์เมคเกอร์โปรตุกีส ที่กำลังจะได้รับรางวัลอัพสัญญาเพิ่มด้วย
ผลงานของแข้งทีมชาติโปรตุเกส ที่ผ่านมา การันตีได้เลยว่าเขาคือนักเตะที่สำคัญที่สุดของสโมสร ซึ่งหากมองตามความเป็นธรรมแล้วก็ควรได้รับค่าเหนื่อยไม่น้อยกว่าของ เด เคอา มากน้อยเท่าไหร่