นัดนี้จะเป็นการพบกันระหว่าง กลาสโกว์ เรนเจอร์ กับ พีเอสวี ไอน์โฮเฟ่น ที่สนาม ไอบร็อกซ์ สเตเดี้ยม ในศึก ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก *รอบคัดเลือก (ยุโรป) เมื่อวันอังคารที่ 16 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา
เกมนี้ กลาสโกว์ เรนเจอร์ จะมาเล่นด้วยระบบ 4-3-3 นำโดยแข้งเซ็ตประจำของทีมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น จอน แมคลาฟลิน,ทอม ลอว์เรนซ์,อันโตนิโอ โชลัก,สตีเว่น เดวิส และ จอห์น ลุนด์สตรัม
ขณะที่ พีเอสวี ไอน์โฮเฟ่น จะมาสู้ด้วยระบบ 4-3-3 เช่นเดียวกัน นำโดยเสาหลักของทีมอย่าง วอลเตอร์ ดาเนียล เบนิเตซ,อาร์มันโด โอบิสโป,อิบราอิม ซ็องกาเร่,โคดี้ อัคโป และ อิสมาแอล ไซบารี เป็นต้น
นาทีที่ 12
โอกาสจะแจ้งครั้งแรกในเกม ตกเป็นของ เรนเจอร์ จากจังหวะที่ ไรอัน เคนต์ เลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นของ พีเอสวี ได้สองคน จากตรงกลางสนาม เสร็จแล้ว กระชากบอลไปสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย ก่อนจะเปิดเรียดไปหน้าประตูให้ มาลิก ทิลล์แมน วิ่งมายิงตามน้ำ แต่น่าเสียดายบอลสุดท้ายดันแฉลบตัวบล็อก หลุดกรอบ ออกหลังไปนิดเดียว
นาทีที่ 37 พีเอสวี ขึ้นนำ 1-0
หลังจากจดๆจ้องๆ กันอยู่นาน ประตูแรกของ พีเอสวี ก็มาจนได้ จากจังหวะที่พวกเขาเปิดลูกเตะมุมทางฝั้งซ้าย โยนไปตรงกลางบอลตกพื้นขลุกขลิกอยู่หน้าประตู สุดท้ายบอลหลุดไปเข้าทาง อิบราอิม ซ็องกาเร่ หวดตูมเดียวจากเเถวสอง เป็นประตูไม่มีเหลือ
นาทีที่ 40 เรนเจอร์ ตีเสมอ 1-1
ก่อนหมดเวลา 5 นาที เรนเจอร์ ก็มาได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ เจมส์ ทาเวอร์เนียร์ วิ่งตัดหลังแนวรับของทีมเยือนไม่ล้ำหน้า หลุดไปทางขวา ก่อนจะเปิดเรียดเข้ากลางให้ อันโตนิโอ โชลัก เติมมายิงเน้นๆตรงกลางประตู ส่งบอลซุกก้นตาข่าย ไม่มีพลาด
หมดครึ่งเวลาแรก
กลาสโกว์ เรนเจอร์ – 1
พีเอสวี ไอน์โฮเฟ่น – 1
นาทีที่ 49
เริ่มครึ่งหลังได้แปปเดียว พีเอสวี ก็เป็นฝ่ายได้จบสกอร์ก่อนเลย จากจังหวะที่ ไรอัน เคนต์ ไปเล่นยาก พลาดเสียบอลตรงกลางสนาม เอริค กูเตียร์เรซ ที่ดักได้ จึงรีบจ่ายต่อให้ ลุค เดอ ยองก์ พักอกเอาบอลลงในกรอบเขตโทษ ก่อนจะพลิกรีบตัวแล้วตวัดยิงเร็วทันที บอลพุ่งไปเข้ามือ แมคลาฟลิน รับสบาย
นาทีที่ 70 เรนเจอร์ แซงนำ 2-1
เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย เรนเจอร์ เป็นฝ่ายแซงนำบ้าง จากจังหวะที่พวกเขาได้ลูกฟรีคิก ระยะทำการ จากนั้นก็เป็น ทอม ลอว์เรนซ์ ที่วิ่งมาปั่นข้ามกำแพง บอลพุ่งตรงตัว เบนิเตซ แล้ว แต่เจ้าตัวดันซองแตก รับบอลไม่อยู่ปลิ้นเข้าประตูตัวเองเฉยเลย
นาทีที่ 78 พีเอสวี ตีเสมอ 2-2!!
พีเอสวี โดนแซงนำได้ไม่นาน พวกเขาก็ยิงคืนได้เหมือนกัน จากจังหวะที่ โคดี้ อัคโป เปิดลูกเตะมุมจากฝั่งขวา โยนเข้ากลางให้ อาร์มันโด โอบิสโป กระโดดโหม่ง บอลพุ่งเสียบใต้คาน ชนิดที่ว่า แมคลาฟลิน หมดสิทธิ์เซฟ
หมดเวลาการแข่งขัน ทั้งสองทีมกินกันไม่ลง ผลัดกันรุกผลัดกันรับตลอดทั้งเกม สุดท้ายก็ทำอะไรกันไม่ได้ ต้องจบแบบเจ๊ากันไป ด้วยสกอร์รวม 2-2