คณะกรรมการของยูฟ่าไฟเขียวข้อบังคับการเงินฉบับใหม่ที่จะมาทดแทนระบบแฟร์เพลย์การเงิน ซึ่งจะกำหนดเพดานการใช้จ่ายไว้ที่ 70 เปอร์เซนต์ของรายได้สโมสร
กฏใหม่มาในชื่อข้อบังคับความเสถียรภาพทางการเงินและใบอนุญาตสโมสร (FSCLR) ซึ่งจะกำหนดเพดานสำหรับการใช้จ่ายค่าเหนื่อย, ค่าตัวและค่าเอเยนต์ไว้ที่ 70 เปอร์เซนต์ของรายได้สโมสร
ยูฟ่าจะนำกฏนี้มาใช้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนและจะให้เวลาสโมสรปรับตัวกัน 3 ปี โดยฤดูกาล 2023-24 นั้นจะกำหนดเพดานไว้ที่ 90 เปอร์เซนต์ของรายได้และลดเหลือ 80 เปอร์เซนต์ในฤดูกาล 2024-25 จากนั้นค่อยปรับเหลือ 70 เปอร์เซนต์
กฏแฟร์เพลย์การเงินของเดิมถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2010 ในยุคของ มิเชล พลาตินี่ และ จานนี่ อินฟานติโน่ และทีแรกสมาคมสโมสรยุโรปต่อต้านการนำกฏดังกล่าวมาใช้
กฏเก่าถูกออกแบบมาป้องกันสโมสรยุโรปจากการใช้จ่ายเกินตัวและการอัดฉีดเงินจากส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับฟุตบอล ปัจจุบันสโมสรใช้จ่ายได้เท่ากับรายได้ตลอดช่วงเวลา 3 ปีและเกินกำหนดได้เพียงแค่ 5 ล้านยูโรเท่านั้น
กระนั้นกฏยังระบุให้สโมสรใช้เกินลิมิตได้มากถึง 30 ล้านยูโร หากเจ้าของทีมหรือผู้ที่เกี่ยวข้องหาเงินมาโปะจำนวนดังกล่าวได้
สำหรับกฏใหม่นั้นออกแบบมาเพื่อรักษาสมดุลของการแข่งขันและช่วยให้สโมสรมีความเสถียรภาพมากขึ้น แต่ยังทำให้ทีมเงินถุงเงินถังได้เปรียบอยู่มากกว่าจะลดช่องว่างลง
ยูฟ่าศึกษาเรื่องการกำหนดเพดานค่าเหนื่อยด้วยเหมือนกัน แต่ก็พบกับคำถามว่าการทำแบบนั้นจะถูกต้องตามกฏหมายของยุโรปหรือไม่
เชื่อกันว่าข้อบังคับใหม่นั้นจะมีการลงโทษทั้งในรูปแบบของตัดแต้ม, การปรับร่วงไปเล่นในทัวร์นาเมนต์ยูฟ่าที่ระดับต่ำกว่าและการตัดสิทธิ์จากการแข่งขันฟุตบอลยุโรป
ยูฟ่ายังระบุเพิ่มเติมว่าพวกเขาอนุญาตให้สโมสรขาดทุนได้รวม 60 ล้านยูโรตลอดช่วงเวลา 3 ปี เพิ่มจากเดิมที่เคยกำหนดไว้เพียง 30 ล้านยูโรตลอด 3 ปี
นอกเหนือจากนี้อาจมีโบนัสให้ใช้จ่ายได้เกินเพดานที่กำหนดไว้อีก 9 ล้านยูโรหากสโมสรที่สภาพการเงินแข็งแกร่ง เรียกว่าโบนัสจากความเสถียรภาพ