เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพนกนางนวล ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน เปิดสนาม เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม, ไบรตัน อีสต์ซัสเซกซ์ ประเทศอังกฤษ ต้อนรับการมาเยือนของทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นัดที่ 28 เมื่อค่ำคืนวันเสาร์ที่ 12 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา
เกมนี้ เจ้าถิ่น ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ แกรม พอตเตอร์ มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 นำทีมโดย อีฟ บิสซูม่า กองกลางห้องเครื่องพันธุ์แกร่ง เลอันโดร ทรอสซาร์ ตัวทำเกมริมเส้น และ นีล โมเปย์ ศูนย์หน้าตัวจบสกอร์ของทีม
ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มิดฟิลด์ห้องเครื่องกัปตันทีม หลุยส์ ดิอาซ ปีกป้ายจอมลากเลื้อย และ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ดาวยิงตัวความหวังของทีม
นาที 4
เปิดฉากครึ่งแรกมา เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น ทัพนกนางนวล ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ที่ได้ทักทายก่อน จากจังหวะที่ ทาริค แลมป์ตี้ย์ เก็บตกบอลแถวสองได้ทางริมเส้นฝั่งขวา เจ้าตัวตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยไปเข้าหัวของ นีล โมเปย์ ได้เทคตัวขึ้นโขกเน้น ๆ ที่กลางประตู แต่ดันกดไม่ลง ส่งบอลเหินข้ามคานออกไป
นาที 5
เจ้าถิ่น ไบรท์ตัน เริ่มต้นดีกว่าได้ส่องต่ออีกครั้ง เป็นจังหวะ นีล โมเปย์ เจ้าเก่า รับบอลมาที่หน้าหัวกระโหลก เจ้าตัวแต่งหนึ่งทีพร้อมเงยหน้ามอง ก่อนจะสบโอกาสขอลองวางเท้าหวดไกลด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบเขตโทษ ส่งบอลพุ่งแรงกระดอนพื้นหนีมือของ อลีสซง เบ็คเกอร์ นายทวารทีมเยือน เฉียดเสาซ้ายมือ หลุดออกหลังไปแค่นิดเดียว ชนิดได้ลุ้น
นาที 7
เจ้าถิ่น ไบรท์ตัน ทำเกมขึ้นมาได้สวยอีกครั้ง จังหวะนี้ เลอันโดร ทรอสซาร์ สบโอกาสขอลองส่องไกลด้วยขวาเน้น ๆ เต็มข้อนอกกรอบเขตโทษดูบ้าง ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัว ทว่าทิศทางยังไม่หนีมือเท่าไหร่ อลีสซง เบ็คเกอร์ นายทวารทีมเยือน เขยิบมารับเอาไว้ได้สบาย ไม่มีปัญหา
นาที 8
ทีมเยือน ทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง แถมเกือบได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แทงบอลทะลุช่องให้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ วิ่งสอดหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะปาดมาที่หน้าเสาแรกให้ ซาดิโอ มาเน่ โฉบมาชาร์จเน้น ๆ ทว่าเป็น ลูอิส ดังค์ ตามมาทิ้งตัวบล็อก สไลด์สะกิดเปลี่ยนทางบอล พุ่งเฉียดเสาขวามือ หลุดออกหลังไปแค่นิดเดียวอย่างน่าเสียดายสุด ๆ
นาที 19 GOAL!!!
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ประตูขึ้นนำเป็น 1-0 !!! จากจังหวะ โจเอล มาติป ดันสูงค่อย ๆ เลี้ยงขึ้นมาทางกลางสนามฝั่งขวา เจ้าตัวมีพื้นที่มีเวลาเงยหน้ามอง ก่อนจะบรรจงวางบอลยาวคิลเลอร์พาสมาที่หน้ากลางประตู แล้วเป็น หลุยส์ ดิอาซ วิ่งสอดหลุดเดี่ยวมาที่จุดนัดพบ ได้ชิงจังหวะโขกเหน่ง ๆ ได้ก่อน โรเบิร์ต ซานเชซ นายทวารเจ้าถิ่น ส่งบอลพุ่งเข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม ช็อตนี้มีการปะทะกันของทั้งคู่ ดาวเตะโคลอมเบียร่วงไปกองกับพื้น ไมค์ ดีน ผู้ตัดสินในเกมนี้ขอเช็ค VAR ว่าจะแถมใบแดงให้ผู้รักษาประตูนกนางนวลดีหรือไม่ สุดท้ายยังใจดี ไม่ได้ว่าอะไร
นาที 27
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล เครื่องเริ่มติด เดินเกมบุกขึ้นมาอีกครั้ง จังหวะนี้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ดันสูงขึ้นมารับบอลทางริมเส้นฝั่งขวาตามสไตล์ เจ้าตัวตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยลึกไปที่เสาไกลให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน สอดตามมาเอาบอลลง ก่อนจะวางเท้าหวดด้วยซ้ายยัดมุมแคบไปที่เสาแรก ส่งบอลเหินข้ามคาน พุ่งออกหลังไปเองอย่างน่าเสียดาย
นาที 32
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา จังหวะนี้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยไปที่เสาไกล แล้วเป็น ซาดิโอ มาเน่ เบียดเอาชนะตัวประกบ ได้เทคตัวขึ้นโขกเหน่ง ๆ แต่บอลเบาแถมไม่หนีมือเท่าไหร่ โรเบิร์ต ซานเชซ นายทวารเจ้าถิ่น รับเอาไว้ได้สบายไม่มีปัญหา
นาที 41
เข้าสู่ช่วงท้ายครึ่งแรก ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ยังคงได้บุกอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ ซาดิโอ มาเน่ เบิ้ลเร็วออกไปทางริมกรอบฝั่งขวาให้กับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ สอดมาครอสเข้าไปที่กลางประตูให้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ โฉบมาเทคตัวขึ้นโขกสะบัดเหน่ง ๆ โดนไม่เต็มเท่าไหร่ ส่งบอลน้ำหนักเบาแถมลอยโด่งเดินทางช้า โรเบิร์ต ซานเชซ นายทวารเจ้าถิ่น รับเข้ามือเอาไว้ได้สบาย
นาที 43
ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก ทีมเยือน ลิเวอร์พูล หวิดได้ประตูหนีห่าง จากจังหวะ ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน วางบอลทิ้งยาวออกมาทางริมเส้นฝั่งซ้ายให้กับ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ได้อาศัยความเร็วลากผ่าน อีฟ บิสซูม่า ทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนจะตัดสินซัดมุมแคบเน้น ๆ ยัดไปที่เสาแรก ทว่าเป็น โรเบิร์ต ซานเชซ นายทวารเจ้าถิ่น ยังออกมาปิดมุมได้ไว ผวาทิ้งตัวใช้ขาเซฟออกมาได้ทันหวุดหวิด
หมดเวลาครึ่งแรก ทั้งสองทีมครองบอลได้พอ ๆ กัน ช่วงแรกเป็นเจ้าถิ่น ทัพนกนางนวล ที่ทำได้ดีกว่า ก่อนที่ช่วงท้ายจะเป็นทีมเยือน ทัพหงส์แดง ที่เป็นฝ่ายปูพรมขึงเกมรุกอยู่แทบจะฝั่งเดียว ยิงประตูออกนำไปก่อนแล้วหนึ่งลูก สกอร์ตอนนี้ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน 0 ลิเวอร์พูล 1 !!!
นาที 46
เปิดฉากมา เจ้าถิ่น ไบรท์ตัน พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะ นีล โมเปย์ ลากจี้เข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะไหลนิ่ม ๆ ตั้งให้ เลอันโดร ทรอสซาร์ วิ่งมาวางเท้าแปด้วยขวาเน้น ๆ โล่ง ๆ ในกรอบฝั่งซ้าย ส่งบอลเหินข้ามคาน หลุดกรอบออกหลังไปเอง อย่างน่าเสียดาย
นาที 50
เจ้าถิ่น ไบรท์ตัน ต้องมาเสียโควต้าเปลี่ยนตัวโดยใช่เหตุ เมื่อเทพม้วนอย่าง อดัม ลัลลาน่า ตัวสำรองที่เพิ่งลงได้แค่ 5 นาที มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไปไม่ไหว แกรม พอตเตอร์ กุนซือคนเก่ง ต้องจัดการส่ง ปาสกาล กรอสส์ ลงสนามมาเล่น เหมือนเสียตัวเปลี่ยนไปแบบฟรี ๆ
นาที 57
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ จ่ายยัดเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ พลิกตัดเข้ากลางแล้วซัดเน้น ๆ ติดบล็อกกระเด้งมาเข้าทางเจ้าตัว ได้ล็อคไปล็อคมาก่อนจะปั่นอีกทีด้วยซ้ายเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งไปแฉลบบล็อก ลูอิส ดังก์ ลอยเปลี่ยนทางข้ามตัวของ โรเบิร์ต ซานเชซ นายทวารเจ้าถิ่น ย้อยไปชนคานอย่างจังกระเด้งมาถึง ซาดิโอ มาเน่ ได้ซ้ำอีกทีก็ยังเหินข้ามคานออกไปไกล
นาที 58
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล บุกขึ้นมาอีกระลอก จังหวะนี้ หลุยส์ ดิอาซ พาบอลกระชากขึ้นมาจากแดนตัวเองถึงกรอบฝั่งซ้ายได้สวย เจ้าตัวเปิดหักเลียดเข้ากลางมาที่หัวกระโหลกโล่ง ๆ ให้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ วิ่งมาวางเท้าซัดด้วยซ้ายเน้น ๆ แบบไม่จับ ทว่าดาวยิงอียิปต์หวดบอลบดไปหน่อย ส่งบอลปลิ้นหลุดเสาขวามือ กระดอนออกหลังไปเองอย่างน่าเสียดาย
นาที 59 GOAL!!!
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ประตูหนีห่างออกไปเป็น 2-0 !!! จากจังหวะ หลุยส์ ดิอาซ เลี้ยงลุยในกรอบฝั่งซ้ายโดนสกัดออกมาเข้าทาง นาบี เกอิต้า ได้จับหนึ่งที ก่อนจะซัดด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งไปถูกแขนของ อีฟ บิสซูม่า ที่ยกขึ้นมาบล็อกเต็ม ๆ ช็อตนี้ผู้ตัดสิน ไมค์ ดีน ชี้ให้เป็นลูกจุดโทษของทัพหงส์แดงทันที แล้วเป็น โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ รับหน้าที่สังหาร ซัดเข้าประตูไป ไม่พลาด เป็นประตูที่ 2,000 ของสโมสรที่ยิงในพรีเมียร์ลีกอีกด้วย
นาที 62
เกมหยุดชะงักไปพักนึง เมื่อ นักเตะเจ้าถิ่น ไบรท์ตัน โวยวายฟ้องจะเอาจุดโทษ จากจังหวะที่ อลีสซง เบ็คเกอร์ นายทวารทีมเยือน พุ่งออกมาคว้าบอลบริเวณที่ก้ำกึ่งเหมือนจะออกมานอกกรอบเขตโทษ ทว่าไลน์แมนไม่ได้ว่าอะไร สัญญาณ VAR ก็ไม่มี สุดท้ายผู้ตัดสินให้เล่นต่อไป
นาที 64
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ต้องเจอปัญหาใหญ่เข้าให้ เมื่อดาวยิงตัวเก่งอย่าง โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ มีปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือเคราเฟิ้ม จัดการส่ง ดิโอโก้ โชต้า ลงมาแทน ขณะที่ นาบี เกอิต้า ก็โดนถอดออกไปด้วย แล้วส่งทาง ติอาโก้ อัลกันตาร่า มิดฟิลด์ตัวสร้างสรรค์เกมลงสนามมาปั้นเกมแทน
นาที 88
เจ้าถิ่น ไบรท์ตัน เกือบได้ประตูตีไข่แตก จังหวะนี้ ซอลลี่ มาร์ช รับบอลหลุดขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย เจ้าตัวบรรจงครอสเข้าไปที่เสาแรก แล้วเป็น แดนนี่ เวลเบ็ค วิ่งโฉบมาชาร์จด้วยซ้ายเน้น ๆ แบบไม่จับ ส่งบอลทำท่าจะเสียบใต้คานเข้าประตูอยู่แล้ว ทว่าเป็น อลีสซง เบ็คเกอร์ นายทวารทีมเยือน ปฏิกิริยายังไว โชว์ซุปเปอร์เซฟ ผวาปัดปลายมือเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด
นาที 89
ก่อนหมดเวลา ทีมเยือน ลิเวอร์พูล หวิดได้ประตูที่สาม เป็นจังหวะ ตัดบอลได้แล้วสวยกลับเร็ว ติอาโก้ อัลกันตาร่า วางบอลยาวข้ามแนวรับอย่างสวยให้ หลุยส์ ดิอาซ ได้หลุดเดี่ยวจากกลางสนาม กระชากทะลุเข้าไปเขตโทษ ก่อนจะบรรจงซัดไปโดน โรเบิร์ต ซานเชซ นายทวารเจ้าถิ่น พุ่งออกมาปิดมุมได้ไว ทิ้งตัวเซฟเอาไว้ได้ทันอย่างน่าเสียดาย
หมดเวลาการแข่งขัน ทีมเยือน ลิเวอร์พูล บุกมาไล่ทุบเอาชนะเจ้าถิ่น ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 !!! คว้าชัย 8 นัดรวด รั้งรองจ่าฝูงของตารางทำแต้มไล่จี้แมนซิตี้เหลือเพียงแค่ 3 คะแนน โดยนัดต่อไปจะต้องออกไปเยือน อาร์เซน่อล ในคืนวันพุธที่ 16 มีนาคม 2565 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านทัพนกนางนวล รั้งอันดับที่ 13 ของตาราง นัดต่อไปจะเปิดบ้านพบกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในคืนวันเดียวกันแต่คนละเวลา