ยาป สตัม อดีตปราการหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกโรงหนุนหลังอยากให้ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ย้ายมาเล่นในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด พร้อมแนะนำรุ่นน้องจากทีมอาแย๊กซ์ให้ขยับขึ้นมายืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ
เซ็นเตอร์แบ็กทีมชาติอาร์เจนติน่า กำลังมีข่าวกับทัพปิศาจแดง อาจได้ย้ายตามเอริค เทน ฮาก มาทำงานในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
ล่าสุด สตัม ซึ่งเป็นแฟนตัวยงของ มาร์ติเนซ ติดตามพัฒนาการมาตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เชื่อว่า ด้วยทักษาการผ่าบอลอันยอดเยี่ยม มาร์ติเนซ สามารถขยับขึ้นมายืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรับให้แมนฯยูไนเต็ดได้ ถ้าหากมีความกังวลใจต้องเลือกคู่เซ็นเตอร์แบ็กกับทาง ราฟาเอล วาราน และ แฮร์รี่ แมคไกวร์
“เมื่อคุณเล่นโดยทิ้งพื้นที่ด้านหลังไว้มาก คุณต้องการผู้เล่นที่มีความเร็วมากพอ และไม่กลัวที่จะต้องคอยคัฟเวอร์, ไทเรลล์มีสิ่งนั้น และ มาร์ติเนซ ก็มีเช่นเดียวกัน”
“มาร์ติเนซ มีทักษะและสร้างสรรค์เกมด้วยการผ่านบอลที่ดีมาก ยิ่งมีผู้เล่นแบบนี้มากเท่าไหร่ ทีมของ เทน ฮาก ก็จะยิ่งเป็นฝ่ายได้ครองบอล โอกาสโดนโต้กลับก็จะลดน้อยลง “
“อีกเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพะาะกับลีกที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกคือการสื่อสาร และใครที่เขาอาจต้องจับคู่ด้วยในบทบาทหัวใจของแนวรับ”
“แต่เพราะ มาร์ติเนซ เป็นคนที่เล่นบอลง่าย มันทำให้เขาสามารถเล่นอยู่หน้าแนวรับได้อย่างสบาย ซึ่งผมโอเคนะถ้า เทน ฮาก จะเอาเขาไปใช้ตรงนั้น”
นอกจากนี้ สตัม มองว่า ปัจจุบันพรีเมียร์ลีกพัฒนาการเล่นไปมาก ดังนั้น มาร์ติเนซ จะประสบความสำเร็จในอังกฤษได้อย่างแน่นอน แม้มีจุดอ่อนที่ส่วนสูงก็ตาม
“ในอดีตกองหลังอังกฤษจะต้องสูงใหญ่ สูงสองเมตรได้ยิ่งดี ต้องมีทักษาการโหม่งสกัดบอลที่ยอดเยี่ยม แต่ตอนนี้ สโมสรส่วนใหญ่และผู้จัดการ นิยมเซ็ตบอลจากหลัง นั่นไม่ได้หมายความว่าเกมรับไม่สำคัญ, คุณยังต้องเล่นเกมรับอยู่ และ มาร์ติเนซ ก็ทำได้ดี”
“ผู้เล่นเกมรุกมีความเร็วสูงมาก อันตรายในเกมโต้กลับเร็ว ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่กองหลังจะต้องฉลาดมีไหวพริบ ต้องอ่านเกมได้อย่างรวดเร็ว รู้ว่าบอลจะมาจากทางไหน จะดันขึ้นถือถอยลงเล็กน้อยก่อนที่บอลจะมาถึง”
“ถ้าทำได้อย่างนั้น คุณก็ไม่จำเป็นต้องปะทะกัน มาร์ติเนซพัฒนาฝีเท้าในเรื่องนี้ ผมเป็นแฟนบอลเขา ผมคิดว่าเขาเป็นนักเตะที่น่าทึ่ง ควบคุมอารมณ์ได้ดีและมีความคิดที่จะเป็นผู้ชนะ สำหรับผู้จัดการทีม พวกเขาเป็นนักเตะที่ใครก็อยากได้อยู่ในทีม”
“ค่าตัวของเขาเหมาะสมกับมูลค่า 50 ล้านปอนด์หรือเปล่า มันเป็นเรื่องยากที่จะพูด แต่เงินระดับนี้กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว โดยเฉพาะในอังกฤษ”