สามก๊ก ขุนศึกเลือดมังกร จับเอาเรื่องราวของยอดขุนพลแห่งจ๊กก๊กอย่างจูล่ง (หลิวเต๋อหัว, Andy Lau) มาต่อยอด ดังนั้นหากดูแล้วรู้สึกไม่คุ้นหรือรู้สึกว่ามันต่างจากประวัติศาสตร์ก็ไม่ต้องแปลกใจครับ เพราะมันมีการต่อเสริมเติมแต่งเพิ่มอะไรต่อมิอะไรจากที่เราๆ เคยรู้เคยอ่านกันมา
เรื่องราวในหนังถูกบอกเล่าโดยตัวละครที่ชื่อ หลอผิงอัน (หงจินเป่า, Sammo Kam-Bo Hung) ที่หนังกำหนดให้เป็นเสมือนดั่งพี่ใหญ่ของจูล่ง ประมาณว่าเป็นคนรับจูล่งเข้ากองแล้วก็ดูแลกันจนนับถือเป็นพี่น้อง แต่เนื่องจากจูล่งเปี่ยมความสามารถมากกว่า เขาเลยไปได้ไกล เป็นถึง 1 ใน 5 ยอดขุนพล ในขณะที่หลอผิงอันก็ยังอยู่ในตำแหน่งทหารระดับล่าง คอยยืนดูจูล่งจากปลายแถวอยู่เสมอๆ
ว่าตามจริงเลยคือหนังถือว่าโอเคเพราะพลังดาราครับ เฮียหลิวแกแน่อยู่แล้ว เล่นบทไหน วัยไหนได้เสมอ เขาดูเป็นจูล่งที่องอาจ แววตาดูมุ่งมั่น เป็นคนซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ในขณะที่หงจินเป่าก็ไปได้ดีกับบทหลอผิงอันที่สื่ออารมณ์และความคิดให้คนดูได้สัมผัสอยู่เป็นระยะๆ ว่าชายคนนี้กำลังคิดหรือรู้สึกอะไรอยู่ สำหรับผมแล้วแค่ดูเฮียหลิวกับเฮียหงเล่นร่วมกันนี่ก็คุ้มแล้วครับ โดยเฉพาะช่วงท้ายๆ นี่ถือว่ารับส่งอารมณ์กันได้ดีเลยล่ะ
หนังถือว่ามีทั้งจุดที่เข้าท่าและจุดที่ยังดีได้อีกครับ เริ่มจากจุดที่ยังดีได้อีกก่อน นั่นคือการเล่าเรื่องที่อาจจะเรื่อยๆ ไปบ้าง โดยเฉพาะครึ่งแรกที่พลังยังไม่เยอะ แต่ก็เริ่มน่าสนใจขึ้นตอนที่จูล่งฝ่าทัพไปรับอาเต๊าแล้วก็ปะทะกับกองทหารของวุยก๊กพอถึงครึ่งหลังหนังก็เริ่มสนุกขึ้นครับ ตอนที่จูล่งยกทัพไปปะทะกับวุยก๊กอันนำไปสู่การเผชิญหน้ากับโจอิง (Maggie Q) ฉากสงครามตอนไคลแม็กซืถือว่าทำได้น่าพอใจ
ผมชอบตอนที่ 2 ตัวละคร (คนหนึ่งจากวุยก๊ก และอีกคนจากจ๊กก๊ก) ประจัญหน้าสู้กันแบบถึงตาย แล้วก่อนจะถึงจุดสิ้นสุดพวกเขาก็ตะโกนก้องสรรเสริญก๊กของตน มันสื่ออะไรได้หลายอย่างครับ บางคนจะมองว่าเป็นความจงรักภักดีก็ได้ หรือจะมองว่าทั้งสองต่างงมงาย สู้กันไปจนตายเพื่ออะไร – อะไรเหล่านี้แล้วแต่มุมมองจริงๆ ครับ
อีกอย่างที่แอบเสียดายคือ แม้หนังจะเน้นเรื่องที่จูล่ง ทว่ามิติตัวตนความเป็นจูล่งก็เหมือนจะยังไม่ถูกถ่ายทอดออกมาแบบเต็มที่ กล่าวคือหนังยังเข้มข้นได้อีก เรื่องราวยังสนุกได้อีก และหนังยังสามารถทำให้เรารู้จักจูล่งได้อีก เพียงแต่หนังยังไปไม่ถึงจุดนั้นเท่านั้นเอง
แต่ผมชอบดนตรีของ Henry Lai ครับ ท่วงทำนองถือว่าพลิ้วไหว โดยเฉพาะเพลงช้าประเภทบิ้วอารมณ์ในเชิงอาลัยหรือในเชิงเกียรติยศศักดิ์ศรีถือว่าทำได้ดีทีเดียว
หนังกำกับโดย Daniel Lee ซึ่งผลที่ได้ก็ถือว่าโอเคครับ อาจยังไม่ถึงขั้นดี แต่อย่างน้อยช่วงท้ายหนังก็บิ้วอารมณ์และเรื่องราวได้โอเค
สองดาวครับ
(6/10)