ใครคาดหวังว่าจะได้ดูหนังผจญภัยสไตล์ไซอิ๋วแบบที่หลังๆ เขาทำกันออกมาเยอะแยะมากมายหลายเวอร์ชั่นล่ะก็ ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยครับว่า เวอร์ชั่นนี้ไม่เน้นแอ็กชันหรืออภินิหาร แต่ไปเน้นดราม่าซะละมากกว่า
ว่ากันโดยเนื้อเรื่องแล้วมันก็คือการเอาเรื่องตอนหงอคงไปอาละวาดสวรรค์มาเป็นแกนหลักครับ เพียงแต่รายละเอียดจะต่างออกไป จะมีประเด็นต่างๆ เพิ่มเข้ามา มากกว่าจะเป็นแค่เรื่องหงอคงถล่มสวรรค์
เล่าแบบเนื้อๆ ก็คือหงอคง (เอ็ดดี้ เผิง) ไปลุยสวรรค์ ไปป่วนงานเลี้ยงลูกท้อ ได้เจอ (และปิ๊งๆ) กับนางฟ้าจื่อเซี่ย ลูกสาวของเจ้าแม่ฮั้วจี (Feihong Yu) ที่ดูแลสวรรค์อยู่ ตามด้วยการประมือกับ หยางเจียน (Shawn Yue) ยอดฝีมือแห่งทัพสวรรค์
ในที่สุดเขาก็โดนจับครับ จากนั้นเจ้าแม่ฮั้วจีก็พยายามจะควบคุมหงอคง เอารัดเกล้ามาสวม แต่ไม่ว่าจะทำยังไงหงอคงก็ไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆ และดูเหมือนว่าการมาสวรรค์ของเขาจะแฝงไว้ด้วยไฟแค้นมากกว่าที่ใครจะคาดคิด… เล่าแค่นี้พอครับ ที่เหลือไปดูเองจะดีกว่า
อย่างที่บอกครับว่ามันไม่ได้เน้นผจญภัย คือในส่วนของแอ็กชันนั้นมันก็มีครับ มีตอนต้นกับตอนท้าย แต่นอกนั้นกว่าครึ่งจะเน้นบทสนทนาและเรื่องในเชิงดราม่ามากกว่า ซึ่งก็บอกได้เลยว่าใครหวังแอ็กชันก็อาจจะผิดหวัง เพราะไซอิ๋วฉบับที่ฉีเคอะกำกับนั้นดูจะตอบสนองตรงนี้ได้ดีกว่า
จริงๆ ก็เข้าท่าดี มีการเสริมประเด็นเพิ่มมิติให้กับหงอคงและตัวละครอื่นๆ แต่การเล่าเรื่องมันอืดไปครับ หนังยาวตั้ง 2 ชั่วโมง เล่าแบบเรื่อยๆ ประเด็นเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ได้เยอะอะไร เลยทำให้ความสนุกของหนังยังไม่มากเท่าที่ควร
แต่ผมชอบตรงประเด็นต่างๆ ที่มีในหนังครับ โดยเฉพาะการเล่าภาพของสวรรค์ในเชิงเสียดสีและวิพากษ์ เอาแค่ประโยคตอนต้นๆ ที่ผู้บรรยายบอกว่า “สิ่งใดก็ตามที่ไม่ก้มหัวให้สวรรค์ สิ่งนั้นก็จะถูกตัดสินว่าเป็นฝ่ายมาร” แค่นี้ก็เสียดสีได้แบบเต็มๆ แล้วครับ
มันทำให้นึกไปถึงเรื่องของนัยเกี่ยวกับสวรรค์ในเรื่องเล่าของจีนที่จริงๆ แล้วมันก็เป็นการแต่งเพื่อวิพากษ์ราชสำนักอยู่ในที เพราะเราจะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่หายนะที่เกิดในโลกมนุษย๋ ก็เพราะสวรรค์นี่แหละก่อเรื่องไว้ ไม่ว่าจะเพราะกฎกติกาที่เวิ่นเว้อเกิน หรือความผิดพลาดที่ชาวสวรรค์ทำ แล้วก็มาส่งผลต่อโลกในท้ายสุด
ถ้ามองแบบถอดรหัสเปรียบเทียบ พวกเทพสวรรค์ก็คงเหมือนข้าราชสำนักที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลบ้านเมือง หากทำดีก็ส่งผลดี แต่หากทำไม่ดีก็ส่งผลเสีย อย่างในเรื่องนี้จะชัดมากในประเด็นที่ว่า “หากเทพหากเซียนเห็นแก่ตนเป็นหลักแล้ว มันจะก่อให้เกิดความเสียหายในวงการได้แค่ไหน”
อาจไม่ใช่ประเด็นสดใหม่ เพราะจริงๆ หลายสิบปีที่ผ่านมา ทั้งหนังและหนังจีนชุดต่างก็มองสวรรค์ในเชิงว่าเป็น “ตัวก่อเรื่อง” มากกว่าจะเป็น “สิ่งที่น่าเคารพ” แต่กระนั้นการที่คนทำกล้าจับมาเล่า มาผูกเรื่อง ก็ถือว่าน่าชื่นชม
ช่วงกลางๆ ก็มีเรื่องให้ดราม่ากันพอสมควร ซึ่งก็พอเข้าใจประเด็นนะ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับชาวบ้านที่พวกหงอคงไปเจอและไปช่วย แต่สารภาพว่าก็แอบขัดใจเหมือนกันที่ไม่ได้เห็นหงอคงอาละวาดเพื่อช่วยคนตามสไตล์พี่แก (ที่ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม) มากกว่านี้ (ก็อย่างที่บอกครับ ใครอยากดูหงอคงที่ที่พร้อมจะแหกทุกกฎ ก็อาจจะขัดใจอยู่)
เอาเป็นว่าประเด็นน่าสนใจครับ แต่การเล่ายังไม่เข้าที่แบบเต็มร้อย มันช้าและอืดในหลายช่วงจนทำให้หนังดูน่าเบื่อในหลายวาระ แต่ที่แน่ๆ คือถ้าใครหวังแอ็กชัน สามารถข้ามได้เลยครับ
สองดาวครับ
(6/10)