นัดนี้จะเป็นการพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ เรอัล มาดริด ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม ในศึก ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก *รอบรองชนะเลิศ (ยุโรป) เมื่อวันพุธที่ 17 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา
เกมนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะมาเล่นด้วยระบบ 3-2-4-1 นำโดยแกนหลักขาประจำทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เอแดร์ซอน,จอห์น สโตนส์,แบร์นาร์โด้ ซิลวา,อิลกาย กุนโดกัน และ เควิน เดอ บรอยน์
ขณะที่ เรอัล มาดริด จะมาสู้ด้วยระบบ 4-3-3 ที่คุ้นเคย นำโดยเสาหลักของทีมอย่าง ติโบต์ คูร์กตัวส์,เอดูอาร์โด้ คามาวินก้า,ลูก้า โมดริช,คาริม เบนเซม่า,วินิซิอุส จูเนียร์ และ โรดรีโก้ เป็นต้น
นาทีที่ 23 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำ 1-0
ต้นเกม แมนซิตี้ เล่นได้เหนือกว่า จนพวกเขามาได้ประตูขึ้นนำ 1-0ไปก่อน จากจังหวะที่ เดอ บรอยน์ จ่ายบอลทะลุช่องให้ แบร์นาร์โด้ หลุดเดี่ยวเข้าไปตวัดยิงตามน้ำในกรอบ ส่งบอลพุ่งเสียบเสาแรกตุงตาข่ายไม่มีเหลือ
นาทีที่ 27
เจ้าถิ่นมีโอกาสได้ลุ้นประตูอีกแล้ว จากจังหวะที่ กุนโดกัน เปิดบอลยัดเข้ากลางให้ ฮาลันด์ จับก่อนทีนึงแล้วแต่งหาช่องอัดด้วยขวาเต็มข้อ แต่น่าเสียดายบอลสุดท้ายไม่ตรงกรอบ พุ่งออกหลังไม่ได้ประตู
นาทีที่ 37 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0
ช่วงท้ายครึ่งแรก แมนซิตี้ บุกมาขยับสกอร์เพิ่มเป็น 2-0 จนได้ จากจังหวะที่ แบร์นาร์โด้ ยืนอยู่ถูกที่ถูกเวลา โหม่งซ้ำลูกยิงติดบล็อกของ กุนโดกัน ระยะเผาขนส่งบอลซุกก้นตาข่าย
หมดครึ่งเวลาแรก (HT)
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ – 2
เรอัล มาดริด – 0
นาทีที่ 51
กลับมาต่อครึ่งหลัง เรอัล มาดริด มีจังหวะลุ้นตีเสมอได้เหมือนกัน จากลูกฟรีคิกนอกกรอบของ อลาบา แต่บอลสุดท้ายก็ยังไม่ผ่านมือของ เอแดร์ซอน ที่พุ่งถูกทางปัดทิ้งออกไปได้
นาทีที่ 76 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-0
เกมแทบจะจบลงแล้วเมื่อ เจ้าถิ่นบุกมายิงลูกที่3ได้สำเร็จ จากจังหวะที่ เดอ บรอยน์ เปิดฟรีคิกโยนบอลไปท่งเสาซ้ายมือ แล้ว มิลิเตา ไม่รู้กะจังหวะพลาดหรืออะไร กลายเป็นว่าบอลพุ่งมาแฉลบ มิลิเตา เปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเองไปแบบโชคร้าย แมนซิตี้ นำห่าง 3-0
นาทีที่ 90+1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-0
ช่วงทดเจ็บ แมนซิตี้ มาได้ประตูทิ้งทวนเพิ่มอีกหนึ่ง จากจังหวะที่ โฟเด้น จ่ายบอลทะลุช่องให้ อัลวาเรซ หลุดเดี่ยวลากบอลเข้าไปยิงล่อเป้า คูร์กตัวส์ แบบไร้คนประกบ ส่งบอลซุกก้นตาข่ายนิ่มๆ 4-0
หมดเวลาการแข่งขัน (FT)
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ เรอัล มาดริด 4 – 0