เกมการแข่งขัน ระหว่างเจ้าถิ่นทีมจิ้งจอกสีน้ำเงิน เลสเตอร์ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก) เปิดสนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)
ในศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบ 8 ทีมสุดท้าย เกมนี้ ทีมเยือน แมนยู โรเทชั่นทีมค่อนข้างเยอะ ให้โอกาสตัวสำรองได้ลงมาเล่นหลายคน และสุดท้ายก็เล่นพลาดกันหลายจังหวะ ก่อนจะโดนเจ้าถิ่น เลสเตอร์ ที่เล่นได้ดีกว่า ยิงชนะไปได้ 3-1 !!!
เกมนี้ เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ มาเล่นในระบบ 3-4-1-2 นำทีมโดย เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ กองหน้าฟอร์มแรงทีมชาติไนจีเรีย และ เจมี่ วาร์ดี้ กองหน้าดาวซัลโวของทีม ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาเล่นในระบบ 4-4-2 นำทีมโดย พอล ป็อกบา มิดฟิลด์จอมลีลา และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล กองหน้าตัวจี๊ดทีมชาติฝรั่งเศส
นาที 13
ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโอกาสได้ลุ้นก่อน เป็นจังหวะได้เตะมุมทางฝั่งซ้าย อเล็กซ์ เตลลิส เปิดโด่งมาที่กลางประตู แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ได้ขึ้นโขกเต็มๆ แต่บอลเบาและตรงตัว แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับสบาย
นาที 16
เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ลุ้นขึ้นมาบ้าง อาโยเซ่ เปเรซ เลี้ยงจี้ขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะแทงเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ เจมี่ วาร์ดี้ ที่ถ่างออกมารับบอล แล้วปาดเข้ามาที่กลางประตู แต่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ยื่นขาสกัดได้ บอลกระเด้งกลับมาที่ เจมี่ วาร์ดี้ ได้ยิงซ้ำด้วยขวาเน้นๆอีกที แต่ ดีน เฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตูทีมเยือน ปัดไว้ได้ทัน
นาที 19
เจ้าถิ่น สวนกลับเร็วขึ้นมาตรงกลาง เจมี่ วาร์ดี้ ลากพาบอลมาเอง ทะลุเข้าในเขตโทษ แต่ตัดสินใจยิงเองติดบล็อก แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ทั้งที่ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ถ่างออกขวามารอแล้วแท้ๆ พลาดโอกาสไปสำหรับเจ้าถิ่น
นาที 24 GOAL!!!
เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ประตูขึ้นนำเป็น 1-0 !!! เป็นจังหวะความผิดพลาดของแนวรับทีมเยือนเอง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ จ่ายบอลให้ เฟร็ด หน้ากรอบเขตโทษตัวเอง ยูริ ตีเลอมันส์ วิ่งมากดดันด้านหลัง เจ้าตัวเลยจ่ายสั้นจะคืนให้ ดีน เฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตู แต่จ่ายบอลเบากลายเป็นไหลให้ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ วิ่งโฉบมาเอาบอลจ่อๆที่หน้าประตู แตะหลบนายทวารไปหนึ่งที ก่อนซัดเข้าประตูไปอย่างง่ายดาย
นาที 38 GOAL!!!
ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาได้ประตูตีเสมอเป็น 1-1 !!! เป็นจังหวะ อเล็กซ์ เตลลิส ได้บอลทางกราบซ้าย ก่อนจะไหลให้ พอล ป็อกบา วิ่งสอดไปรับบอลด้านซ้ายของกรอบเขตโทษ เจ้าตัวพลิกหลอกตัวประกบไปเข้าซ้าย แล้วเปิดเลียดเข้ากลางทันที ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค วิ่งโฉบมาที่เสาแรก แต่ปล่อยบอลหลอก ลอดหว่างขาไปที่จุดโทษ เมสัน กรีนวู้ด วิ่งมาใส่ด้วยซ้ายเน้นๆ บอลพุ่งเข้าไปตุงตาข่าย ที่กลางประตูไม่เหลือซาก
นาที 44
เจ้าถิ่น บุกขึ้นมาทางกราบขวา มาร์ก อัลไบรท์ตัน พลิ้วขึ้นมา ก่อนจะไหลเข้ากลางมาให้ อาโยเซ่ เปเรส หน้ากรอบเขตโทษ เจ้าต้องล็อคหาช่อง ก่อนจะยิงเร็วทันที บอลพุ่งกระดอนเฉียดเสาไกลซ้ายมือออกไปนิดเดียว
หมดเวลาครึ่งแรก เป็นเจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ครองบอลได้เยอะกว่า และมีโอกาสเข้าทำที่มากกว่า แต่ก็ยังทำอะไรกันไม่ได้มาก เสมอกันอยู่ 1-1 !!!
นาที 51 GOAL!!!
เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 !!! เป็นจังหวะ ทำชิ่ง 1-2 กับ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ตรงกลางสนาม ก่อนจะกระชากจี้ขึ้นมาถึงหน้ากรอบเขตโทษ แล้วกดเลียดด้วยขวาเสียบโคนเสาไกลซ้ายมือ เข้าประตูไปอย่างเฉียบคม
นาที 56
แนวรับเจ้าถิ่น เคลียร์บอลออกมาไม่ดี อเล็กซ์ เตลลิส เก็บตกได้หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะลองใส่ด้วยขวาเต็มข้อ บอลพุ่งแรงและส่าย แต่ยังหลุดกรอบออกไปนิดเดียว
นาที 57
เจ้าถิ่น น่าจะได้ประตูหนีห่างแบบสุดๆ เป็นจังหวะ ต่อบอลกันขึ้นมาตรงกลาง เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ แทงบอลไปให้ เจมี่ วาร์ดี้ ตรงหน้ากรอบเขตโทษฝั่งซ้าย เจ้าตัวแตะบอลหลบ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ตัดเข้ากลางประตูไปดื้อๆ ได้ล่อเป้ายิงเน้นๆหน้าประตู แต่มาตกม้าตาย ยิงหักข้อด้วยขวาหลุดเสาแรกซ้ายมือออกไปเองซะงั้น
นาที 74
ทีมเยือน เจาะแนวรับเจ้าถิ่นไม่เข้า แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เติมสูงขึ้นมาเอง ก่อนจะลองส่องไกลนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงเหินข้ามคานออกไปไกล
นาที 77 GOAL!!!
เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ประตูหนีห่างจนได้ เป็นจังหวะ ได้ฟรีคิกทางด้านซ้ายของกรอบเขตโทษ มาร์ก อัลไบรท์ตัน เปิดบอลโค้งด้วยขวาไปที่เสาไกลให้ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ได้โหม่งจ่อๆ เสยคานเข้าไปตุงตาข่าย เจ้าถิ่นหนีห่างเป็น 3-1 !!!
นาที 87
ทีมเยือน ได้ฟรีคิกระยะได้ลุ้น หน้ากรอบเขตโทษ เยื้องๆไปทางซ้าย บรูโน่ แฟร์นานเดส วิ่งมาบรรจงปั่นด้วยขวาเน้นๆข้ามกำแพง บอลพุ่งแรงและกำลังจะเสียบสามเหลี่ยมซ้ายมืออยู่แล้ว แต่ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น โชว์ซุปเปอร์เซฟ พุ่งทะยานไปปัดปลายมือไว้ได้หวุดหวิด
หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านเอาชนะทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้ 3-1 !!! ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ โดยจะไปพบกับทีม เซาธ์แฮมป์ตัน จาก พรีเมียร์ลีก เช่นกัน