คาริม เบนเซม่า ยอมรับว่าแฮปปี้เป็นอย่างยิ่งที่คืนสู่ทีมชาติฝรั่งเศสหลังห่างหายมานานหลายปี และออกปากชม คาร์โล อันเชลอตติ ที่กลับมาคุม เรอัล มาดริด อีกครั้งนึง
กองหน้าวัย 33 ปีเปิดเผยถึงความสุขที่ได้รับจากการถูก ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ เรียกติดทีมชาติไปเล่นฟุตบอลยูโร ให้หลังจากห่างหายจากการมีชื่อในทัพน้ำหอมไปนานถึง 6 ปี
นอกจากความสุขจากการติดทีมชาติอีกครั้ง เบนเซม่า ยังมองว่าฝรั่งเศสชุดนี้แกร่งทุกตำแหน่งตั้งแต่ผู้รักษาประตูไปจนถึงกองหน้า และพวกเขาจะต้องแสดงสิ่งนั้นออกมาให้เห็นเมื่อถึงเวลาเล่นยูโร
“ผมรู้สึกเป็นคนที่มีความสุขที่ในโลกเลย สำหรับผมแล้วสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุดน่ะคือครอบครัวกับฟุตบอล ผมแฮปปี้ที่ มาดริด, และผมก็ได้กลับมาสู่ทีมชาติฝรั่งเศสเพื่อเล่นยูโร มีแต่ความภูมิใจ, แฮปปี้และก็ตั้งตารอที่จะได้เริ่มต้นทัวร์นาเมนต์สักที” เบนเซม่า บอกกับ มาร์ก้า
“นี่เป็นทีมที่แกร่งมากในทุกตำแหน่งนะ ตั้งแต่ผู้รักษาประตูไปจนถึงกองกลางและกองหน้า, มีนักเตะที่มาจากหลายๆสโมสรที่ดีที่สุดในโลก การพูดถึงเรื่องเป็นตัวเต็งน่ะดูจะเป็นสิ่งที่คนนอกทีมพูดมากกว่านะ เรารู้ถึงความแข็งแกร่งที่เรามีอยู่ในทีม, แต่ก็ต้องแสดงออกมาให้เห็น”
นอกเหนือจากนี้ เบนเซม่า ยังพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับสโมสรของเขา หลัง ซีเนอดีน ซีดาน ออกจากตำแหน่งและ อันเชลอตติ กลับมาคุมทีมอีกครั้งนึง
“นับเป็นข่าวดีนะ (อันเชลอตติกลับมาคุมทีม), เรารู้จักเขาดี, ทั้งนักเตะและแฟนๆ เขาเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม ผมชอบปรัชญาของเขา, วิธีที่เขามองเกมฟุตบอล, การบริหารทีมและการเป็นผู้นำของทีม และเขาก็อยากคว้าทุกแชมป์”
“แน่นอน, เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์สำหรับทุกคนแหละไม่ใช่แค่ผม (ซีดานลาออก) แน่นอนว่าเขาเป็นเหมือนพี่ใหญ่สำหรับผมมาโดยตลอด เพราะผมรู้จักเขามานานแล้วและเขาก็ช่วยผมทั้งในและนอกสนาม เป็นการตัดสินใจอันยากลำบากสำหรับทุกคน เรามีโค้ชคนใหม่และเราจะพยายามคว้าความสำเร็จให้ได้อีกครั้ง”
เขายังโดนถามเรื่องเกี่ยวกับ คิลิยัน เอ็มบาปเป้ กองหน้ารุ่นน้องร่วมชาติที่ตกเป็นข่าวกับ มาดริด อยู่บ่อยๆ
“คิลิยัน เป็นนักเตะดาวรุ่งที่เต็มไปด้วยคุณภาพและเขายังเป็นเด็กที่ดีด้วย เขาคงได้รับการต้อนรับที่ เรอัล มาดริด เป็นอย่างดี แต่ทีมไหนบ้างที่ไม่เซ็นสัญญาเขาโดยทันที?”
“ตอนนี้เขามีสัญญาอยู่กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และเราจะรอดูว่าเขาตัดสินใจยังไง เป้าหมายหลักของเราคือการคว้าแชมป์ยูโร”
ทีมของ เดส์ชองส์ จะลงสนามทำศึกยูโรนัดแรกด้วยการพบกับเยอรมนีในวันที่ 15 มิถุนายน ก่อนจะต่อด้วยการพบกับฮังการีและโปรตุเกส