มีลูกเมื่อพร้อมไม่ใช่คำที่เกินเลย แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อ Look Both Ways เอาประเด็นนี้ให้กลายมาเป็นทางแยกอันพลิกผันของตัวเอกอย่างนาตาลี และสร้างอีกสถานการณ์ขึ้นมาเล่าควบคู่กันไปว่า ถ้าหากเธอไม่ตั้งท้องชีวิตของเธอจะเดินไปในทิศทางใดกัน
คนยุคปี 1998 อาจจะเคยว้าวกับหนังโรแมนติกอย่าง Sliding Doors ที่เล่าเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่ง (กวินเน็ธ พัลโทรว์) ซึ่งรีบกลับบ้านด้วยการโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน ถ้าสมมติว่าเธอขึ้นรถไฟขบวนนั้นทัน เหตุการณ์ในชีวิตของเธอคือการกลับมาเจอแฟนหนุ่มของตัวเองเล่นจ้ำจี้กับผู้หญิงคนอื่นอยู่บนเตียง ในขณะที่ถ้าหากเธอขึ้นรถไฟขบวนนั้นไม่ทันเธอก็จะมีชีวิตในอีกรูปแบบ ตัวหนังเล่าเหตุการณ์ทั้งสองไปแบบคู่ขนาน ก่อนที่จะบรรจบกันในตอนท้ายสุดของเรื่อง
การตั้งโจทย์แบบ What If (สมมติว่า) ถ้าตัวละครเลือกทางเดินชีวิตแบบนั้น เรื่องราวของตัวละครจะเป็นอย่างไร ถือได้ว่าอาจจะไม่ได้ใหม่มากสำหรับยุคปัจจุบัน แต่ Look Both Ways เลือกที่จะเล่าชีวิตของตัวละครที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต เมื่อนาตาลีกำลังจะกลายเป็นนักศึกษาที่เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย โดยเส้นทางชีวิตแรกเธอค้นพบว่าตัวเองกำลังตั้งท้องและตัดสินใจที่จะให้ลูกของเธอเติบโตขึ้นมาในบ้านเกิด ส่วนอีกเส้นชีวิตหนึ่งนาตาลีไปเรียนต่อในลอสแองเจลิสและทำตามความฝันของตัวเองในการพัฒนาความสามารถของตัวเอง และก้าวไปอยู่ในจุดที่เธออยากจะเป็นนั่นคือแอนิเมเตอร์ในการผลิตผลงานแอนิเมชั่นดีๆออกมา
จะเห็นได้ว่าในเส้นเรื่องแรกที่นาตาลีตั้งท้องกับเก๊บ (แดนนี รามิเรซ) แม้ว่าตอนแรกครอบครัวของนาตาลีจะเป็นกังวลว่า ชีวิตครอบครัวของพวกเขาจะไปรอดสันดอนไหม เธอค้นพบว่าการเป็นแม่คนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แถมเป็นภาระอันหนักอึ้ง ในขณะที่เส้นเรื่องที่นาตาลีตะกายฝันและเข้าไปทำงานในองค์กรที่ตัวเองฝันใฝ่ เธอก็พบว่าเจ้านาย ซึ่งเคยเป็นไอดอลของเธอก็ไม่ได้น่ารักอย่างที่คิดเอาไว้เลย
ตัวละครอย่างนาตาลีได้พูดประโยคที่น่าสนใจที่ว่า “ฉันจินตนาการภาพตัวเองไม่ออกเลย ถ้าหากฉันไม่มีลูกและได้ทำตามความฝัน” จนเพื่อนสนิทของเธอได้ปลอบใจและพูดความจริงว่า ไม่จำเป็นหรอกเพราะเธอมีความสุขกับครอบครัวที่นี่แล้ว ไม่ว่าตัวละครจะเลือกเส้นทางไหนแล้ว ทั้งสองเส้นทางชีวิตก็ไม่ได้ง่ายสำหรับผู้หญิงที่ชื่อนาตาลี แต่อยู่ที่ว่าเธอจะเลือกจดจำประสบการณ์อันไหนในระหว่างทางมากกว่า
แม้จะเป็นหนังโลกสวย พาฝัน และปลอบประโลมใจของชีวิตผู้คนหนุ่มสาวที่ต้องเผชิญความยากลำบากในชีวิตจริง แต่ Look Both Ways ก็ทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะหนังโรแมนติก เบาสมองได้อย่างครบครัน