โจเซ่ มูรินโญ่ กุนซือระดับตำนานของ “หมาป่า” โรม่า อธิบายว่าทำไมเขาถึงยังมีแพสชั่นอยากคุมทีมอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่โลดแล่นประสบความสำเร็จในระดับสูงมาแล้วมากมายบนโลกลูกหนัง
อดีตผู้จัดการทีมเชลซี, อินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สัมภาษณ์กับ Sky Sports UK หลังพาทีมจัลโล่รอสซี่ คว้าแชมป์ยุโรปได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ในรายการยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก
โดยบอสใหญ่ชาวโปรตุกีส พูดถึงแพสชั่นในการทำงาน รวมถึงความเป็นผู้นำของตัวเองเอาไว้ว่า
“มันคือธรรมชาติของคนที่ต้องการอยู่ในวงการลูกหนังหลายๆปี ถ้าคุณไม่รักในฟุตบอล ไม่บรรลุทุกอย่างที่ทำได้ในวงการลูดหนัง คุณก็แค่เลิก มีความสุขกับรางวัลที่เคยได้รับ แล้วไปหาความสุขอย่างอื่นในชีวิต” มูรินโญ่ กล่าว
“แต่ถ้าคุณรักฟุตบอล คุณจะไม่อยากเลิก ถ้าคุณรักฟุตบอล คุณจะไม่รู้สึกเลยว่าอายุของคุณมากขึ้น คุณจะรู้สึกเฟรซอยู่ตลอดเวลา คุณจะรู้สึกอ่อนเยาว์ และความรู้สึกนั้นจะอยู่กับคุณไปจนถึงวันสุดท้าย ดังนั้นแรงจูงใจจึงเป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอ”
“น้ามู” มักได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยม แต่สำหรับเจ้าตัว มูรินโญ่ยอมรับว่า เขาไม่ใช่ผู้นำโดยธรรมชาติ
“ความเป็นผู้นำหมายถึงต้องมีคนติดตามคุณ และเพื่อให้คนมาติดตาม พวกเขาต้องเชื่อในตัวคุณก่อน โดยปกติพวกเขาจะเชื่อในตัวคุณก็ต่อเมื่อพวกเขารู้สึกถึงความใสใจ, พวกเขารู้สึกถึงความซื่อสัตย์”
“ในกรณีของผม สิ่งที่หมายถึงความเป็นผู้นำของตัวเองก็คือ ความรับผิดชอบที่จะไม่ปล่อยให้คนของผมต้องผิดหวัง ผมต้องอยู่กับพวกเขา เพื่อพวกเขาอยู่เสมอ แล้วจากนั้นพวกเขาจะเชื่อใจคุณ”
“ผมจะไม่พูดว่าเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ อันที่จริงตอนผมอายุยังน้อย ผมบอกได้เลยว่าตัวเองเป็นผู้นำที่หงิมมาก แต่ด้วยหน้าที่การงาน ผมเป็นผู้นำที่หงิมไม่ได้ ซึ่งนั่นคือธรรมชาติของผม”
“ผมต้องการอยู่ในสายตาของสาธารณชนตลอดเวลา ผมต้องการสื่อสารผ่านสื่อเสมอ และนั่นทำให้เกิดความแตกต่าง”