ฟิล เนวิลล์ อดีตแข้งชื่อดังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มองว่าโซเชียลมิเดียในยุคสมัยนี้กลายเป็นแหล่งเสื่อมโทรมหลัง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ อดีตเพื่อนร่วมทีมของเขาถูกแฟนบอลกดดันให้ออกจากตำแหน่ง และความพ่ายแพ้ 5-0 คือเรื่องที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติ
กุนซือชาวนอร์เวย์ กำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักหลังจากแฟนบอลของทีมหลังพา “ปีศาจแดง” เปิดบ้านแพ้ให้กับคู่อริตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล ไปแบบขาดลอย 5-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประกอบกับผลงานช่วงหลายปีที่ผ่านมายังไม่ไปเป็นตามความคาดหวังแม้จะมีการลงทุนไปเป็นจำนวนมากก็ตาม
ทางด้านอดีตเพื่อนร่วมทีมของเขาอีกรายอย่าง ฟิล ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงกระแสกดดันจากแฟนบอลในโลกโซเชียลเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
“โซเชียลมิเดียมันคือบ่อพักน้ำเสียของผู้คนที่ต่ำขั้นสุด” เนวิลล์ กล่าวกับ Miami Herald
“ผู้คนคงไม่ตระหนักเลยว่าสิ่งที่พวกเขาพิมพ์มันสร้างความเจ็บปวดให้กับครอบครัว, มนุษย์คนหนึ่ง รวมถึงผู้คนที่มีปัญหาในชีวิต และไม่ได้ช่วยอะไรเลย”
“กลายเป็นว่าการที่คุณจะไปข่มเหงใครก็ตามในโลกฟุตบอลทั้งผู้จัดการทีมหรือนักเตะคือเรื่องที่ยอมรับได้ และคุณก็รอดตัวไปเฉยๆ ซึ่งหากมันเกิดขึ้นข้างถนนคุณก็คงโดนจับไปแล้ว”
“แต่ในโลกฟุตบอลดูเหมือนพวกเขาสามารถข่มเหง, ทำตัวเกรียนก่อกวน และ ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร้มนุษยธรรม ผมคิดว่ามันมีบางอย่างที่ผิดไปตั้งแต่พื้นฐานของสิ่งเหล่านี้”
“พวกเราอยู่ในยุคสมัยที่การเรียกร้องให้ใครสักคนโดนไล่ออกกลายเป็นเรื่องปกติ เป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ”
“หากคุณอยู่ในที่ทำงานอื่นแล้วเดินเข้าไปในร้านสักแห่งเพื่อพูดว่า ‘ผมอยากให้คุณโดนไล่ออก’ ผมคิดว่าคุณคงจะโดนแจ้งความจับ”
ฟิล เคยอยู่ในทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดที่แพ้ให้กับ นิวคาสเซิ่ล 5-0 และแพ้ เซาแธมป์ตัน 6-3 ในปี 1996 แต่พวกเขายังสามารถคว้าแชมป์ลีกได้ในท้ายที่สุด
“ผมเคยอยู่ในทีม ยูไนเต็ด ที่แพ้ 5-0 เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ในโลกฟุตบอล แต่ตอนนี้การสร้างกระแสเกินจริงให้กับเรื่องทุกอย่างมันเหนือการควบคุมไปแล้ว”
“ก็จริงที่ว่าการแพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล 5-0 มันเป็นสิ่งที่เจ็บปวดและอาจจะกระทบกระเทือนอย่างมากต่อนักเตะทุกคนที่เคยลงเล่น, แฟนบอล และทุกคนที่เกี่ยวข้องกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่นี่มันเหมือนราวกับว่า ยูไนเต็ด ไม่เคยแพ้ 5-0 มาก่อนในประวัติศาสตร์”
“มันเกิดขึ้นมาแล้วและ ยูไนเต็ด ก็กลับมาคว้าแชมป์ได้ ผมเคยแพ้ที่ เซนต์ เจมส์ ปาร์ค 5-0 ตอนที่ ฟิลิปป์ อัลเบิร์ต ชิพข้ามหัว ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล มันก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างอะไรเลย”
“สิ่งที่แตกต่างไปก็คือเมื่อก่อนมันไม่ได้มีคนเป็นพันล้านในทวิตเตอร์ที่คิดว่าพวกเขารู้ดีที่สุดในเรื่องนั้นเรื่องนี้”