รีวิว 16 ห้าว 19 เดือด วิถีวัยรุ่นเลือดร้อนยุค 80

รีวิว 16 ห้าว 19 เดือด วิถีวัยรุ่นเลือดร้อนยุค 80
รีวิว 16 ห้าว 19 เดือด วิถีวัยรุ่นเลือดร้อนยุค 80

เรื่องราวปฐมบทของหนังเรื่อง “มึงกู ​เพื่อนกันจนวันตาย” ที่เคยออกฉายไปตั้งแต่ปี 2555 ผลงานการกำกับของ อัศจรรย์ สัตโกวิท โดยค่ายพระนครฟิล์ม โดย 16 ห้าว 19 เดือด จะเป็นเหตุการณ์ที่ตัวเอกของเรื่องอยู่ในห้วงชีวิตสมัยมัธยม

กัน (ริว – วชิรวิชญ์ วัฒนภักดีไพศาล) เด็กหนุ่มที่สูญเสียพ่อแม่ไปในอุบัติเหตุรถยนต์คว่ำ ทำให้เขาต้องคอยเลี้ยงดูน้องๆถึง 3 คน ในฐานะพี่ชายคนโต เขาจึงจำเป็นต้องแบกรับความคาดหวังเอาไว้ต่างๆนานา กระทั่งเกิดเหตุทะเลาะวิวาทชกต่อยในโรงเรียน ซึ่งกันทำเพื่อปกป้องน้องๆ ส่งผลให้ตัวเองถูกไล่ออกมาจากโรงเรียนก่อนจะจบชั้นม.3

ท่ามกลางความดูแลของปู่และย่า ที่ไม่เข้าใจในตัวกัน และมองว่าหลานตัวเองเป็นเด็กเกเรไม่รักดี แต่แทนที่กันจะมานั่งอธิบายความจริง เขาก็เลือกที่จะเงียบและกลายเป็นคนผิดในสายตาของคนอื่นเพื่อปกป้องน้องๆของตัวเอง จนกระทั่งกันย้ายไปเรียนที่ใหม่ในเชียงใหม่ ทำให้เขาได้พบกับสาวสวยอย่าง ปรินซ์ (มิย่า-พิชชา ทองเจือ) และแอบตกหลุมรักที่ได้ทำความรู้จัก

ทว่ากิตติศัพท์การมีเรื่องมีราวของกัน ทำให้ ก้า (โดม-เพชร ธำรงชัย) ไม่ชอบขี้หน้าของกันตั้งแต่แรกเห็น ทำให้ทั้งสองมักจะมีเรื่องกันในช่วงแรกๆ แต่ไปๆมาๆเมื่อปรับความเข้าใจกันได้ทั้งคู่ก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปโดยปริยาย

ความวุ่นวายในรั้วโรงเรียนตามประสาวัยรุ่นไปจนถึงการไม่ชอบขี้หน้าและนำไปสู่การยกพวกตีกันระหว่างอันธพาลรุ่นใหญ่ ลามเลยไปจนถึงหัวโจกของแก๊งดังในเมืองเชียงใหม่ กันในฐานะหัวหน้าแก๊งสเปิร์มที่ทั้งรูปหล่อ มีเสน่ห์และเก่งในเรื่องการชกต่อยเพราะมีพื้นฐานเรื่องมวย จึงอดทนไม่ได้ในทุกครั้งที่เขาเห็นคนอ่อนแอถูกรังแก ส่งผลให้เหล่าวัยรุ่นพวกนี้ไม่มีใครยอมใคร

สิ่งที่น่าสนใจของ 16 ห้าว 19 เดือด คือหนังดำรงตำแหน่งเป็นพรีเควลของ มึงกู ​เพื่อนกันจนวัน โดยเรื่องหลังนักแสดงที่มารับบทกันก็คือ หนุ่มหล่ออย่างมาริโอ้ เมาเร่อ แม้จะไม่ได้ดูเรื่องหลังมาก่อน หนังก็ไม่ได้ยากต่อการทำความเข้าใจ น่าเสียดายที่หนังมีการเลือกโลเคชั่น รวมไปถึงการเซทอัพฉากหลัง บริบทโดยรวมให้เป็นยุคสมัย 80 อาทิ ลานโรเลอร์สเกต เพลงป๊อปวัยรุ่น เสื้อผ้าการแต่งตัว เรียกว่ามีการค้นคว้าทำการบ้านมาอย่างดี แต่ปัญหาหลักใหญ่ๆของเรื่อง คือหนังมีลักษณะของการเป็น “ทีวีซีรีส์” ที่เล่าแต่ละฉากเป็นห้วงๆ ไม่ค่อยเชื่อมโยงกัน ยังไม่รวมไปถึงตัวละครในหนังที่เยอะแยะไปหมด ยังไม่รวมไปถึงเมื่อไหร่ก็ตามที่หนังมีเพลงประกอบฉาก ก็ให้อารมณ์เหมือนเรากำลังนั่งดูมิวสิกวิดีโอยังไงอย่างนั้น

น่าเสียดายที่ 16 ห้าว 19 เดือด ออกฉายหลังจากหนังอย่าง 4Kings ที่พูดถึงความรักของเพื่อนพ้องในประเด็นเดียวกัน แต่เรื่องหลังทำได้เข้าถึงและซึมเนื้อในถึงสิ่งที่ต้องการจะสื่อสารให้กับคนดูมากกว่า แต่โดยรวมแล้ว 16 ห้าว 19 เดือด ไม่ได้ถือเป็นหนังที่เลวร้าย และน่าจะตอบโจทย์แฟนคลับของนักแสดงนำในเรื่องได้เป็นอย่างดี