โอเลห์ ลูจนี อดีตกองหลังของ อาร์เซน่อล เปิดเผยว่ามีแผนจะพักจากการเป็นโค้ชชั่วคราวและหันไปสู้เพื่อยูเครนบ้านเกิดที่กำลังถูกรัสเซียบุก
ลูจนี เคยผ่านการเล่นกับ อาร์เซน่อล ในระหว่างปี 1999 จนถึง 2003 และลงสนามไป 110 เกมด้วยกัน เขายังเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดคว้าพรีเมียร์ลีกและเอฟเอ คัพในฤดูกาล 2001-02
อดีตแข้งวัย 53 ปีเคยเล่นให้ทีมชาติยูเครนมา 60 เกมด้วยกันและเป็นกัปตันถึง 37 นัด นอกจากนี้ ลูจนี ยังผ่านการเล่นให้กับอดีตสหภาพโซเวียตมาด้วย
พอแขวนสตั๊ดไปในปี 2005 เขาก็ผันตัวไปจับงานโค้ชและหวังที่จะกลับมาทำงานในอังกฤษ อย่างไรก็ตามเขาต้องหยุดเรื่องนี้ไปก่อนเพราะต้องการปกป้องบ้านเกิดของตัวเอง
“เป็นสถานการณ์ที่น่าหวาดกลัวมาก ผมอยากมาเป็นโค้ชในสหราชอาณาจักรนะ แต่ก่อนอื่นเลยผมต้องยืนหยุดและสู้เพื่อเพื่อนร่วมชาติ, เพื่อประเทศและเพื่อประชาธิปไตย” ลูจนี ให้สัมภาษณ์กับ สกาย สปอร์ต ผ่านการส่งข้อความทาง Whatsapp
“เราต่างหวังว่ามันจะจบลงโดยไวเพราะมีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตมากขึ้นและครอบครัวต้องแยกจากกัน ประเทศโดนบุกรุกและถูกทำลายเพื่ออะไรกัน? เราต้องยืนหยัดร่วมกันเป็นหนึ่งและยุติอาชญากรรมสงครามครั้งนี้ลง”
ลูจนี จำเป็นต้องเดินทางระหว่างบ้านของเขาในเมืองลวีฟเมืองเกิดของเขาและที่หลับภัยจากการโจมตีทางอากาศ ซึ่งตอนนี้การบุกรุกของรัสเซียดำเนินมาเป็นวันที่ 4 แล้ว
เขาพยายามติดต่อหา ซิมอน สตาคีฟ เพื่อนเก่าของเขาที่อาศัยอยู่ในลอนดอนตลอดช่วงที่เกิดการบุกรุกด้วย
“โอเลห์ บอกกับผมว่าทุกคนตกตะลึงและเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น เรื่องน่ากลัวสุดคือต้องเข้าหลุมหลบภัยและนอนอยู่ในนั้นตลอดทั้งคืน” สตาคีฟ กล่าว
“เราโชคดีที่เราอยู่ในอังกฤษ วันนี้เรามีท้องฟ้าสดใสและความสงบสุข แต่เป็นอีกเรื่องนึงเลยเมื่อคุณอาศัยท่ามกลางเสียงไซเรนและสงคราม ตั้งแต่หกโมงเย็นจนถึงแปดโมงเช้าใครก็ออกจากบ้านไม่ได้นอกจากกองทัพ”
สตาคีฟ ยังเชื่อว่า ลูจนี อาจช่วยเป็นขวัญกำลังใจให้กับเหล่าทหารของยูเครนเพราะชื่อเสียงของเขา โดยที่ ลูจี กำลังเตรียมตัวสำหรับการสู้รบ
“ทุกคนตั้งแต่อายุ 18 จนถึง 60 ถูกเรียกตัวไปช่วยต่อสู้ ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะสู้ คนรัก โอเลห์ ในทุกๆที่ที่เขาไป”
“แม้แต่เด็กๆที่ยังไม่เกิดในสมัยเขาค้าแข้งก็ยังหยุดทักทายเขาตามท้องถนน หรือไม่ก็มีรูปภาพของเขาอยู่”
“พวกเขาเคารพ โอเลห์ อย่างมากและเขาจะเป็นขวัญกำลังใจให้กับคนในเมืองตลอดช่วงเวลาที่ถูกบุกรุกไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ได้เห็นเขา”
ลวีฟ กลายเป็นสถานที่ปลอดภัยให้กับผู้คนที่อพยพจากเมืองอื่นของประเทศ แม้แต่สถานทูตสหรัฐอเมริกาก็ตั้งอยู่ในเมืองนี้ด้วย
อย่างไรก็ตามมีเสียงไซเรนเตือนภัยการถล่มทางอากาศในช่วงหลายวันหลัง ทำให้สถานทูตต้องย้ายข้ามชายแดนไปอยู่โปแลนด์แทน