เกมการแข่งขัน ระหว่างเจ้าถิ่นทีมสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี (อังกฤษ) เปิดสนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของทีมราชันชุดขาว เรอัล มาดริด (สเปน) ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดสอง (นัดแรก เชลซี บุกไปยันเสมอ เรอัล มาดริด มาได้ก่อนแล้ว 1-1)
เกมนี้ เจ้าถิ่น เชลซี มาเล่นในระบบ 3-4-1-2 นำทีมโดย เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์พลังไดนาโมทีมชาติฝรั่งเศส เมสัน เมาน์ท กองกลางตัวรุกทีมชาติอังกฤษ และ ติโม แวร์เนอร์ ศูนย์หน้าความเร็วสูงทีมชาติเยอรมัน ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน เรอัล มาดริด มาเล่นในระบบ 3-5-2 นำทีมโดย โทนี่ โครส ห้องเครื่องตัวคุมจังหวะเกมทีมชาติเยอรมัน ลูก้า โมดริช เพลย์เมกเกอร์ตัวปั้นเกม และ คาริม เบนเซม่า กองหน้าดาวซัลโวตัวความหวังของทีม
นาที 11
ช่วงแรกของเกม เป็นเจ้าถิ่น เชลซี ที่เป็นฝ่ายครองบอลได้เยอะกว่า ทั้งสองทีมมีโอกาสทักทายกันคนละหน โดยทีมเยือน เรอัล มาดริด ได้ยิงก่อน จากจังหวะ โทนี่ โครส ลองส่องไกลด้วยขวา แต่ตรงตัว เอดูอาร์ เมนดี้ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับเข้าซองไว้ได้ จังหวะถัดมา อันโตนิโอ รือดิเกอร์ กองหลังเจ้าถิ่น ก็เติมสูงมาลองส่องไกลเช่นกัน แต่บอลโดน ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ชกทิ้งไว้ได้หวุดหวิด
นาที 17
ทีมเยือน เรอัล มาดริด ครองบอลได้น้อยกว่าก็จริง แต่ก็สวนกลับขึ้นมาได้จบเหมือนกัน จังหวะนี้ วินิซิอุส จูเนียร์ พลิ้วหนีผู้เล่นเจ้าถิ่น กระชากขึ้นมาทางกราบขวา ก่อนจะไหลเข้ากลางให้ ลูก้า โมดริช ได้เลี้ยงจี้มาถึงหน้าหัวกระโหลก แล้วส่องไกลด้วยขวานอกกรอบ บอลพุ่งแรงและเลียด แต่ตรงตัวของ เอดูอาร์ เมนดี้ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับสบาย
นาที 18
เจ้าถิ่น บุกขึ้นมาตรงกลาง เมสัน เมาน์ท พาบอลขึ้นมา ก่อนจะไหลออกไปทางซ้ายให้ เบน ชิลเวลล์ ที่เติมสูงขึ้นมา ได้ครอสเลียดเข้ากลางให้ ติโม แวร์เนอร์ ได้พุ่งเข้าชาร์จ แปด้วยขวาผ่านตัว ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เข้าประตูไป แต่ ผู้ตัดสินเป่าว่าเป็นลูกล้ำหน้าของเจ้าตัวเสียก่อน อดได้ประตูไปสำหรับเจ้าถิ่น
นาที 25
ทีมเยือน เกือบจะได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะต่อบอลกันขึ้นมาตรงกลาง โทนี่ โครส ไหลบอลไปที่หน้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายให้ คาริม เบนเซม่า ได้พลิกบอลหนีตัวประกบได้สวย ก่อนจะบรรจงปั่นด้วยขวานอกกรอบเน้น ๆ บอลพุ่งโค้งสวยกำลังจะเสียบเสาไกลขวามืออยู่แล้ว แต่ เอดูอาร์ เมนดี้ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น โชว์ซุปเปอร์เซฟ พุ่งไปปัดปลายมือ ไว้ได้ทันหวุดหวิด ได้เป็นเตะมุม
นาที 28 GOAL!!!
เจ้าถิ่น เชลซี ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 !!! เป็นจังหวะ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ พาบอลขึ้นมาตรงกลาง ทำชิ่ง 1-2 กับเพื่อน หลุดขึ้นมาหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะแทงบอลทะลุช่องให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ หลุดไปในเขตโทษหน้าเสาซ้ายมือ แล้วชิพด้วยซ้ายข้ามตัวของ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน บอลพุ่งลอยไปชนคาน ไม่ไปไหนตกมาที่หน้าประตูเข้าทาง ติโม แวร์เนอร์ ที่วิ่งเติมขึ้นมา ได้ยิงโล่ง ๆ เข้าประตูไปอย่างง่ายดาย
นาที 35
ทีมเยือน ได้ลุ้นประตูตีเสมอ เป็นจังหวะ แฟร์กล็องด์ เมนดี้ ครอสบอลจากกราบซ้าย พุ่งโค้งมาที่กลางประตูให้ คาริม เบนเซม่า ได้โขกคนเดียวโล่ง ๆ แบบไม่มีใครประกบ บอลกำลังจะเสียบคานอยู่แล้ว แต่ เอดูอาร์ เมนดี้ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ปฏิกิริยายังไว กระโดดปัดข้ามคานเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด
นาที 42
เจ้าถิ่น บุกขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย เมสัน เมาน์ท ได้บอลแล้วติดเครื่อง เลี้ยงพาบอลจี้เข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะซัดเร็วติดบล็อก บอลกระเด้งมาตรงกลางเข้าทาง ติโม แวร์เนอร์ ได้วิ่งเข้ามายิงตามน้ำจังหวะเดียว แต่บอลก็ยังพุ่งไปตรงตัวของติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน รับสบาย
หมดเวลาครึ่งแรก เป็นเจ้าถิ่น เชลซี ดูเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด จนได้ประตูออกนำไปก่อน ส่วนทางด้านทีมเยือน เรอัล มาดริด ถึงจะครองบอลได้มากกว่า แต่จังหวะสุดท้ายก็ยังเจาะแนวรับเจ้าถิ่นไม่เข้าอยู่ดี สกอร์เจ้าถิ่นนำอยู่ 1-0 !!!
นาที 47
เริ่มเกมครึ่งหลังมาได้แปปเดียว เจ้าถิ่น เชลซี ก็เกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ เซซาร์ อัซปิลิกวนต้า ตั้งป้อมครอสบอลจากทางริมเส้นฝั่งขวา พุ่งโค้งเข้าไปในเขตโทษให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้โฉบมาโขกสะบัดเน้น ๆ บอลผ่านมือ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ไปแล้ว แต่ดันไปชนคานกระเด้งออกหลังไป อย่างน่าเสียดายสุด ๆ
นาที 52
เจ้าถิ่น ได้ฟรีคิกบริเวณริมเส้นฝั่งซ้าย เบน ชิลเวลล์ บรรจงเปิดบอลโค้งเข้าไปในกรอบเขตโทษ แล้วเป็น ติอาโก้ ซิลวา ได้วิ่งโฉบหนีตัวประกบไปโหม่งเต็ม ๆ แต่บอลก็เหินข้ามคานออกไปนิดเดียว
นาที 54
เจ้าถิ่น สวนกลับขึ้นมาได้จบอีกครั้ง บอลสาดโด่งทิ้งยาวขึ้นหน้ามาให้ ติโม แวร์เนอร์ สปีดตามมาเก็บบอลได้ที่สุดเส้นหลังฝั่งขวา ก่อนจะดึงจังหวะรอเพื่อน แล้วจ่ายกลับหลังมาให้ เมสัน เมาน์ท ได้สอดทะลุเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา แล้วพยายามดีดบอลด้วยขวาให้ข้ามตัวของ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่วิ่งออกมาปิดมุม แต่บอลลอยโด่ง ไปตกหลังคาน ออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 59
เจ้าถิ่น พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะตัดบอลไดแล้วสวนกลับเร็ว จอร์จินโญ่ แทงบอลทะลุช่องคิลเลอร์พาสให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้หลุดเดี่ยวไปดวลกับ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน แต่เจ้าตัวยิงแปด้วยซ้ายไปติดขาของนายทวารชาวเบลเยี่ยม อดได้ประตูไปอย่างน่าเสียดายสุด ๆ
นาที 66
เจ้าถิ่น น่าจะได้ประตูหนีห่างอีกครั้ง เป็นจังหวะสวนกลับเร็วขึ้นมาอีกแล้ว ติโม แวร์เนอร์ กระชากพาบอลขึ้นมาเอง ก่อนจะไหลออกไปทางซ้ายให้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ได้ควบทะลุเข้าเขตโทษแล้วซัดเร็วยัดไปที่เสาแรกทันที แต่ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ตัวสำรอง ตามลงมาสไลด์ขวางลูกยิงไว้ได้ทันเฉียดฉิว
นาที 72
เจ้าถิ่น ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา เมสัน เมาน์ท เปิดบอลโค้งมาที่เสาแรกให้ ติอาโก้ ซิลวา ได้โฉบหนีตัวประกบอย่าง เซร์คิโอ รามอส มาโขกสะบัดเฉือน ๆ ที่เสาแรก กะจะให้เข้าที่เสาไกล แต่บอลเช็ดบางไปหน่อย ผ่านหน้าปากประตู หลุดเสาออกไปนิดเดียว
นาที 85 GOAL!!!
เจ้าถิ่น เชลซี มาได้ประตูหนีห่างออกไปเป็น 2-0 !!! เป็นจังหวะ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ตัดบอลได้ตรงกึ่งกลางสนาม ก่อนจะแทงบอลเร็วให้ คริสเตียน พูลิซิช ตัวสำรอง ได้หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาเกือบสุดเส้น เจ้าตัวดึงจังหวะรอเพื่อน แล้วเปิดยัดเข้ามาตรงกลางให้ เมสัน เมาน์ท เติมมายิงจ่อ ๆ เข้าประตูไปอย่างง่ายดาย
หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่นเชลซี เปิดบ้าน เอาชนะทีมเยือน เรอัล มาดริด ไปได้ 2-0 !!! ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ ด้วยสกอร์รวม 3-1!!! โดยคู่ชิงจะเข้าไปดวลแชมป์กับทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้