แจ๊ค กรีลิช แนวรุกตัวเก่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดเผยว่าเขาเคยเกือบได้เซ็นสัญญากับคู่อริร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อครั้งที่ยังอยู่กับ แอสตัน วิลล่า และให้เหตุผลในการย้ายมาอยู่กับต้นสังกัดปัจจุบันเพราะการลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก
แข้งวัย 26 ปี ที่เติบโตขึ้นมาจากการเป็นลูกหม้อของ “สิงห์ผงาด” จนได้ก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีมคนสำคัญ ก่อนจะเลือกย้ายมายกระดับการค้าแข้งกับ “เรือใบสีฟ้า” ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติของแข้งชาวอังกฤษที่ 100 ล้านปอนด์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามเจ้าตัวก็ได้เปิดเผยว่าก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ เขาเกือบได้เซ็นสัญญากับคู่อริร่วมเมืองอย่าง “ปีศาจแดง”
“ผมเกือบจะได้ย้ายไปแล้วจริงๆ แต่ท้ายที่สุดมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น” กรีลิช กล่าวกับ The Telegraph
“ตอนนั้นพวกเราได้เล่นเกมปรีซีซั่นกับ ยูไนเต็ด ในวันเสาร์ และผมไม่ควรจะได้ลงเล่นเกมบอลถ้วยที่เบอร์ตัน แต่หลังจบเกมผมบอกกับ เพอร์สโลว์ (ซีอีโอของ แอสตัน วิลล่า) และเอเยนต์ของผมว่า ‘ถ้าผมไม่ได้ย้าย ผมก็จะเซ็นสัญญาใหม่เลย’
“แล้ววันอังคารตอนเช้าผมก็ไปพร้อมหมาของผมเพื่อเซ็นสัญญาใหม่ และได้ลงเล่นวันนั้นเลย พวกเราตกลงกันว่าจะมีค่าฉีกสัญญา และหากทีมไหนพร้อมจะจ่ายมันก็เป็นสถานการณ์วิน-วิน เพราะนั่นหมายความว่าผมจะมีฤดูกาลที่น่าทึ่งและ วิลล่า จะได้เงิน 100 ล้านปอนด์”
โดยเจ้าตัวก็เปิดเผยเหตุผลที่เลือกอำลาสโมสรวัยเด็กไปค้าแข้งในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม ว่า
“คุณจะมีแค่ช็อตเดียวในอาชีพการค้าแข้งและมันจะลอยผ่านไป ผมรู้สึกว่า วิลล่า กำลังจะไปยุโรปได้แต่ผมไม่รู้ว่ามันจะนานแค่ไหน ถ้าผมไม่ย้ายมาที่นี่ผมก็อาจจะเสียใจไปตลอดชีวิต ผมเคยได้ยิน ไมเคิ่ล โอเว่น พูดแบบเดียวกันตอนย้ายไป เรอัล มาดริด”
“คุณลองไปดูเพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษของผมส่วนใหญ่ ผมอาจจะเป็นหนึ่งในคนท้ายๆเลยที่ได้ลงเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก คุณอาจจะนับได้ 2-3 คนที่ไม่เคยได้เล่นอย่าง คาลวิน ฟิลิปส์ และ แซม จอนห์สโตน”
“ตอนนี้ผมได้ลงเล่นไป 4 เกมแล้วและผมชอบมันทุกนาทีเลย มันแตกต่างกับ พรีเมียร์ลีก โดยสิ้นเชิง มาตรฐานแตกต่างกันรวมถึงแนวทางการเล่นด้วย”
“เป็นถ้วยที่เราทุกคนอยากจะคว้ามันมา ผู้จัดการทีมมาที่นี่และคว้าแชมป์ทุกอย่างแล้ว พวกเราอยากจะได้แชมป์นี้จริงๆ และผมมาที่นี่เพื่อช่วยพวกเขา”
แม้ว่าจะทำไปแล้ว 2 ประตูกับอีก 3 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 15 นัดให้ทีม แต่ กรีลิช ก็เชื่อว่าเขายังทำอะไรได้มากกว่านี้
“ผมยังช่วยทีมได้อีกเยอะมาก ผมรู้สึกว่ามันยากกว่าที่คิดไว้มากในการปรับตัวกับผู้จัดการและเพื่อนร่วมทีมที่แตกต่าง”
“ตอนแรกผมคิดว่าผมจะได้บอลมากกว่านี้ ทำประตูและแอสซิสต์ได้หลายลูกแต่มันก็ไม่ได้ง่ายๆแบบนั้น ผมยังไม่ได้บอลใกล้เคียงกับตอนที่อยู่กับ วิลล่า เลย”
“ผมคงไม่บอกว่าผมมีปัญหาอะไรนะ ผมแค่รู้สึกว่ามันยากที่จะสร้างความคุ้นเคยในช่วงแรก ผมทำประตูและแอสซิสต์เหมือนซีซั่นก่อนไม่ได้แต่ผมก็ไม่เคยสงสัยตัวเองเลย”
“ผมไม่สนเรื่องค่าตัวเลย มันอาจจะมีสปอร์ตไลท์ฉายลงมาที่คุณแต่ก็ถือเป็นเรื่องที่เยี่ยมมากที่เป็นนักเตะบริติชคนแรกที่ค่าตัว 100 ล้านปอนด์”