สเตฟาโน่ ปิโอลี่ นายใหญ่ เอซี มิลาน ผิดหวังที่ลูกทีมเล่นได้แย่ทั้งเกมรับและเกมรุก โดยเฉพาะ ราฟาเอล เลเอา ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาเปลี่ยนแนวรุกตัวความหวังออกตั้งแต่ช่วงพักครึ่งแรก
คืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปิโอลี่ คุมทัพ “ปีศาจแดงดำ” บุกแพ้ โตริโน่ 2-1 ยุติสถิติไร้พ่ายเมื่อเป็นทีมเยือนในเกมลีคไว้ที่ 17 นัด พร้อมหล่นไปอยู่อันดับ 3 โดน นาโปลี จ่าฝูงทิ้งห่าง 6 คะแนน
หลังจบเกม ปิโอลี่ ให้สัมภาษณ์กับ DAZN กล่าวถึงฟอร์มของลูกทีม
“เราเล่นด้วยฟอร์มที่ต่ำกว่ามาตรฐาน, เราไม่เฉียบคม และไม่มีความมุ่งมั่นมากพอในจังหวะที่อาจเปลี่ยนเกมได้, เราเล่นได้แย่ทั้้งในแดนตัวเองและแดนคู่ต่อสู้”
“เราวางแผนกันว่าจะเน้นเจาะริมเส้น และ เมสซิอัส ก็ทำแบบนั้นได้ที่ฝั่งขวา ส่วน เลเอา ที่ฝั่งซ้ายทำได้น้อยกว่านั้น”
“เราพยายามให้เกมรุกของเราเป็นจังหวะ 4 ต่อ 4 แต่เราขาดความลื่นไหลตั้งแต่แดนหลัง และการเคลื่อนที่ในแดนหน้าก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน”
ช่วงพักครึ่งแรก ปิโอลี่ ตัดสินใจเปลี่ยนตัวสามคนรวด ถอดทั้ง เลเอา, บราฮิม ดิอาซ และ ปิแอร์ คาลูลู ออกแล้วส่ง อันเต้ เรบิช, ชาร์ลส์ เดอ เคตลาร์ และ เซร์จินโญ่ เดสต์ ลงมาแทน
“ผมต้องการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง, เพิ่มการเคลื่อนที่เมื่อไม่มีบอลให้มากขึ้น และเพิ่มความมีชีวิตชีวาของทีม” ปิโอลี่ อธิบายสาเหตุ
“ผมต้องการให้ เดสต์ เติมเกมรุกมากกว่าที่จะเป็น คาลูลู และผมพยายามมองหาคุณสมบัติที่แตกต่างไปในตำแหน่งกองหน้า เพราะค่อนข้างชัดเจนว่าวันนี้ไม่ใช่ฟอร์มที่ดีที่สุดของ เลเอา”
“เราเริ่มต้นได้ดีขึ้นในครึ่งหลัง แต่เราต้องทำประตูตีเสมอให้ได้เร็วกว่านี้อีกหน่อย เป็นเรื่องน่าเสียดาย และเป็นความพ่ายแพ้ที่เจ็บปวด”
“ผมรู้สึกผิดหวังอย่างแน่นอน เพราะเราคาดหวังฟอร์มการเล่นและผลการแข่งขันไว้อีกแบบ จึงทำให้เราต้องทำงานหนักกว่าเดิมเพื่อเตรียมตัวสำหรับเกมหน้า เพื่อที่จะแสดงการตอบสนองโดยทันที และแสดงอีกด้านของทีมนี้ออกมา”
“เกมวันนี้มีความสำคัญต่อการไล่ตามทีมจ่าฝูงที่กำลังทำได้ดีมาก, ทุกคนเห็นชัดเจนว่า นาโปลี กำลังมีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม, ตอนนี้เราต้องลืมความพ่ายแพ้ครั้งนี้ และโฟกัสไปที่บททดสอบต่อไป”
วันพุธนี้ มิลาน มีโปรแกรมลงเตะแชมป์เปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้าย เปิดบ้านรับ ซัลซ์บวร์ก โดยขอแค่แต้มเดียวก็จะการันตีเข้ารอบ 16 ทีม
“เราเข้าใกล้เป้าหมายที่วางเอาไว้แล้ว และผมคิดว่าเราจะเจอเกมที่ต่างจากนัดนี้โดยสิ้นเชิงกับ ซัลซ์บวร์ก เพราะสไตล์การเล่นของพวกเขาไม่ใช่การตั้งรับแล้วรอสวนกลับ”