กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ปีกของ อาร์เซน่อล เปิดใจถึงความเจ็บปวดที่โดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปฏิเสธตั้งแต่ยังเป็นดาวรุ่ง ก่อนจะยกระดับฝีเท้าจนติดทีมชาติบราซิลลุยศึกฟุตบอลโลก
มาร์ติเนลลี่ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับ อาร์เซน่อล ซึ่งนำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ และนั่นทำให้เขาติดทีมชาติบราซิลชุดฟุตบอลโลก 2022
แม้ว่าเพิ่งลงเล่นให้ทัพ “แซมบ้า” เพียง 3 นัด แต่ มาร์ติเนลลี่ สร้างความประทับใจให้ ติเต้ ซึ่งตัดสินใจเรียกรวมอยู่ในกลุ่มผู้เล่น 26 คน
นับเป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของดาวเตะวัย 21 ปี ตั้งแต่ย้ายมาจาก อิทัวโน่ ทีมระดับลีกล่างของบราซิลด้วยสนนราคา 7.1 ล้านยูโรในปี 2019
อย่างไรก็ตาม มาร์ติเนลลี่ เคยโดนยักษ์ใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ บาร์เซโลน่า มาแล้วก่อนจะมาสร้างชื่อกับ อาร์เซน่อล
มาร์ติเนลลี่ บอกกับ Players’ Tribune ว่า “ผมรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกแฟนตาซีคู่ขนาน (ตอนทราบว่าติดชาติชุดฟุตบอลโลก)”
“ผมขอบคุณพระเจ้าที่ผมย้ายมา อาร์เซน่อล ในปี 2019 ผมเชื่อจริง ๆ ว่าสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นด้วยเหตุผล และผมมีความสุขมาก ๆ ที่ได้มาอยู่จุดนี้”
“มันตลกเมื่อมองย้อนกลับไปในตอนนี้, เพราะผมอาจลงเอยที่อื่นได้อย่างง่ายดาย”
“คุณก็เห็นว่าผมเคยเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จริง ๆ แล้วผมอยู่ที่นั่นเพื่อทดสอบฝีเท้าหลายครั้ง”
“ผมยังได้เจอกับผู้เล่นซีเนียร์หลายคน ตอนผมอายุ 17 ปี ผมได้ลงซ้อมมื้อสุดท้ายที่นั่น, แล้วกลับไปบราซิลเพื่อรอฟังข่าว”
“อยู่มาวันหนึ่งพ่อก็เรียกผมไปที่ห้องนั่งเล่น เขาคุยกับเอเยนต์ของผม, และบอกว่า ยูไนเต็ด ปฏิเสธ ไม่ใช่แค่แบบ ‘ไม่ ไม่ใช่แค่เฉพาะปีนี้… เราไม่ต้องการเขาเลย’ “
“ผมผิดหวัง พวกเขาเห็นผมเล่นหลายครั้งและแน่ใจว่าจะเซ็นสัญญากับผม”
“ผมได้ทดสอบฝีเท้าอีกครั้งที่ บาร์เซโลน่า ในไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ผมใช้เวลา 15 วันที่นั่น พวกเขาไม่ต้องการผมเช่นกัน มันยอมรับง่ายกว่า เพราะเป็นการทดสอบฝีเท้าเพียงครั้งเดียว, แต่ก็ยัง (ทำใจยากเช่นกัน)”