โธมัส ทูเคิ่ล ยังไม่พอใจฟอร์มของลูกทีมมากนัก เตือนว่าอย่าเพิ่งดีใจเกินเหตุ เพราะมีอีกหลายเรื่องให้พัฒนา แม้จะประเดิมคุม บาเยิร์น มิวนิค นัดแรกด้วยการเอาชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พร้อมแซงขึ้นจ่าฝูง
ทูเคิ่ล ประเดิมงานกุนซือ “เสือใต้” ออกนำก่อนอย่างรวดเร็วจากความผิดพลาดทำเข้าประตูตัวเองของ เกรกอร์ โคเบล นายด่าน “เสือเหลือง” แล้วหลังจากนั้นรัวเพิ่มโดย โธมัส มุลเลอร์ จัดเบิ้ล ก่อนที่ คิงส์ลี่ย์ โคมัน บวกอีกหนึ่ง
อย่างไรก็ตามช่วงท้ายเกม ดอร์ทมุนด์ มีฮึดไล่คืนมาสองสกอร์จาก เอ็มเร่ ชาน และ ดอนเยลล์ มาเลน ทำให้ศึก “แดร์ คลาซิเกอร์” จบด้วยสกอร์ 4-2
“วันนี้เป็นก้าวแรกที่ดี แต่เรายังมีเรื่องให้ต้องพัฒนาอีก ซึ่งนั่นหมายถึงทุกคนในสโมสร” ทูเคิ่ล ให้สัมภาษณ์หลังเกม
“เราไม่ควรดีใจเกินไป เราภาคภูมิใจในทีม และพวกเขาสามารถพึงพอใจกับผลการแข่งขันวันนี้ได้ แต่ยังมีงานข้างหน้ารอเราอยู่”
“เราเริ่มเกมอย่างด้วยความประหม่ามาก ความจริงแล้วตลอดทั้งเกมเราเหยาะแยะและเสียบอลมากไป แต่ความพยายามในจังหวะไม่มีบอลของเราสูงมาก”
“เราได้ความมั่นใจจากประตูแรก แล้วก็ขึ้นนำ 3-0 อย่างรวดเร็ว, หากเราเล่นด้วยความนิ่ง เราจะสามารถสร้างโอกาสระดับท็อปได้”
“หลังจากนำ 4-0 ผมอยากให้เราครองเกมมากขึ้น และก่อความผิดพลาดน้อยลง, เรามีโอกาสจะแจ้งหลายครั้ง และควรออกนำมากกว่านั้น ขณะเดียวกัน สองประตูที่เราเสียคือเรื่องน่าหงุดหงิด”
ช่วงท้ายยุค นาเกลส์มันน์ นั้น บาเยิร์น ใช้แผนหลังสาม ซึ่งเป็นแผนเก่งของ ทูเคิ่ล สมัยคุม เชลซี เช่นกัน อย่างไรก็ตามในเกมนี้เขาตัดสินใจมาด้วยระบบ 4-2-3-1 ซึ่งทำให้ถูกถามถึงสาเหตุ
“ผมมีการพูดคุยจำนวนมากกับลูกทีม แต่ไม่ใช่เรื่องแผนการเล่น, เราแค่ต้องการส่งผู้เล่นลงไปในตำแหน่งที่คิดว่าพวกเขาถนัดที่สุด ซึ่งพวกเขาก็ให้การยอมรับ”
“เราต้องหาจังหวะของตัวเองให้เจอ เราต้องมีความระมัดระวังและต้องขยายระยะห่างออกไป, เราต้องรู้ว่าตอนไหนถึงควรเปิดเกมรุก และเกมวันนี้ก็ค่อนข้างยุ่งเหยิงเกินไป”
“แน่นอนเลยว่า บาเยิร์น มีคุณภาพทุกอย่างที่โค้ชคนนึงต้องการ, เมื่อเรามีเวลาและจับจังหวะได้ เราจะครองเกมได้ดีกว่านี้”
“ผมสามารถเข้าใจความรู้สึกของ นาเกลส์มันน์ เพราะผมเคยผ่านสถานการณ์เดียวกันมาก่อนถึงสองครั้ง, ผมไม่ได้มีส่วนตัดสินใจมากนัก กับการออกจากตำแหน่งในสองสโมสรล่าสุดที่ผมคุม”
“นั่นคือชีวิตของผู้จัดการทีม ดังนั้นเราจะพยายามทำฤดูกาลนี้ให้ประสบความสำเร็จที่สุด เพื่อ นาเกลส์มันน์ และสตาฟฟ์โค้ชของเขาด้วย”