รีวิวหนัง “Killers of the Flower Moon”

Killers of the Flower Moon

Killers of the Flower Moon เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในยุคปี 1920s เมื่อนํ้ามันถูกค้นพบที่รัฐโอคลาโฮมา ในพื้นที่ของชาวพื้นเมืองโอเซจ ทำการพวกเขาเริ่มถูกแทรกซึมจากคนผิวขาวที่เข้ามาตั้งรกรากและฉาบฉวยในการสร้างธุรกิจ ก่อนจะนำมาสู่เหตุโศกนาฏกรรมต่อเนื่องที่ชาวโอเซจจึงถูกฆาตกรรมไปทีละคน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่หน่วยสืบสวนกลางเข้ามาไขปริศนาดังกล่าว ทุกอย่างจึงกลายเป็นมหรสพโรงใหญ่

แล้วจุดไฮไลต์ที่โดดเด่นจุด ๆ ของหนังเรื่องนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นกับขยายความยาวของหนังที่ยาวถึง 3 ชั่วโมง 20 นาทีเศษ ๆ นับว่าเป็นหนังอีกเรื่องในประวัติศาสตร์วงการหนังฮอลลิวูดที่สร้างออกมาได้ยาวเฟื้อยขนาดนี้ แต่ถึงแม้ว่าหนังจะยาวมาก ๆ เท่านี้ แต่ก็ยังสามารถฉุดรั้งคนดูเอาไว้ในตราตรึงใจกับภาพบนจอได้อย่างอยู่หมัด กลายเป็น 3 ชั่วโมงกว่า ๆ ที่เหมือนตกอยู่ในภวังค์ที่เต็มไปด้วยอรรถรสที่อร่อย

Killers of the Flower Moon

โดย Killers of the Flower Moon ได้ดัดแปลงสร้างมาจากนิยายชื่ดังของ “เดวิด แกรนน์” ที่ตีพิมพ์ในปี 2017 ซึ่งในครั้งนี้ได้นักเขียนฝีมือระดับรางวัล “อิไล ร็อธ” มาช่วยเขียนบทให้ ร่วมกับ มาร์ติน สกอร์เซซี ที่ร่วมช่วยปลุกปั้นบทหนังเรื่องนี้ออกมาได้อย่างมีมนต์ขลังอย่างน่าทึ่ง ต้นฉบับนิยายของหนังเรื่องนี้อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาความยาวกว่า 350 หน้า ก็ไม่น่าประหลาดใจสักเท่าไหร่นักที่พอมาขึ้นจอใหญ่จะกินเวลายาวนานเท่านี้

แน่นอนว่า มาร์ติน สกอร์เซซี ก็ยังคงละเลงแต่งแต้มผลงานของเขาด้วยลีลาอันเป็นสไตล์แบบผู้กำกับชั้นครู ที่มาพร้อมกับงานสร้างที่ค่อนข้างละเอียดและบรรจงในทุก ๆ นาทีที่ถ่ายทอดออกมา หากว่ากันถึงโครงเรื่องนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Killers of the Flower Moon ค่อนข้างกลั่นกรองเรื่องราวออกมาได้เพลินและจับใจได้ดีตลอดทั้งเรื่อง

Killers of the Flower Moon

ตัวหนังสามารถเก็บรายละเอียดในช่วงยุคนั้น ๆ อันเป็นฉากหลังออกมาได้ค่อนข้างลึกซึ้ง อาจจะไม่ได้พาคนดูดำดิ่งลงลึกอะไรขนาดนั้น แต่หนังก็เก็บเกี่ยวและสดุดีความเป็นอินเดียนแดง ชนพื้นเมืองของทวีปอเมริกาเหนือออกได้ด้วยความเคารพจากสัตย์จริง กลายเป็นหนังที่ยาวกว่า 200 นาทีที่เปิดให้ดูได้เรื่อย ๆ แบบไม่ลุกไปไหนก็สามารถทำได้เช่นกัน

ในด้านงานกำกับองค์ประกอบต่าง ๆ ก็คือว่า Killers of the Flower Moon ทำออกมาได้เกือบจะสมบูรณ์แบบ องค์ประกอบฉากและองค์ประกอบศิลป์ต่าง ๆ ถือว่าใส่ใจในรายละเอียดแบบเนี้ยบสุด ๆ สมกับเป็นงานสร้างระดับตำนานจริง ๆ ขณะที่มุมภาพและมุมกล้องก็ยังทิ้งลีลาความเป็นลุงมาร์ตี้เอาไว้ให้เห็นเป็นระยะ ๆ ซึ่งเมื่อออกมาในภาพรวมก็คือเสน่ห์ในแบบที่ควรเป็นของหนัง มาร์ติน สกอร์เซซี นั่นเอง

Killers of the Flower Moon

จะว่าไปแค่มานั่งดูลีลาการแสดงของทีมนักแสดงชุดนี้ก็คุ้มแล้วจริง ๆ นะ ลีโอนาร์โด ดีคาปริโอ ก็ถือโฟลว์ไปกับบทบาทนี้เหมือนปอกกล้วยเข้าปาก การแสดงของเขาแทบจะไม่ต้องทำอะไรมาก การตีความและถ่ายทอดบทนี้ของเขาทำให้คนดูเชื่อสนิทว่าเขาเป็นตัวละครนั้น ๆ ตั้งแต่นาทีแรกที่ปรากฏตัว และความเป็นมืออาชีพของเขาก็ยังช่วยประคองหนังเอาไว้ได้ดีตลอดทั้งเรื่องจริง ๆ

ส่วนตัวจี๊ดและตัวปั่นของเรื่องนี้ก็คือ โรเบิร์ต เดอ นีโร นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่น่าสนใจอีกครั้งของเขาในอาชีพนักแสดงช่วงวัยชรา ถือว่าคาแรกเตอร์นี้ส่งเสริมให้กับเขาเป็นอย่างมาก ตัวละครเต็มไปด้วยมิติและด้านที่หลากหลาย เป็นสิ่งที่คนดูทั้งรักทั้งชังไปพร้อม ๆ กัน และนักแสดงระดับชั้นครูผู้นี้ก็ทำออกมาได้โฟลว์เช่นเดียวกัน

Killers of the Flower Moon

แต่ที่ต้องจับตามองสุด ๆ ก็คงจะเป็น “ลิลลี แกลดสโตน” โอ้โห้..เธอน่าจะมีโอกาสได้มีชื่อเข้าชิงรางวัลต่าง ๆ กับลีลาการแสดงในครั้งนี้อย่างแน่นอน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่รับบทหนักของเรื่องนี้ การแสดงออกมาได้ค่อนข้างคมคาย แอคติ้งที่ทำการแสดงผ่านลีลาและสีหน้าจากตัวเธอนั้นทำออกมาได้ยอดเยี่ยม ไม่ประหลาดใจเลยที่ผลงานเรื่องนี้กลายเป็นการแจ้งเกิดให้กับเธออย่างเต็มตัว และเธอก็ทำออกมาได้ปัง

Killers of the Flower Moon ใช้งานประพันธ์เพลงประกอบโดย “ร็อบบี โรเบิร์ตสัน” ที่นับว่าเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบไฮไลต์ที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้เช่นกัน งานดนตรีที่ผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมอินเดียนแดงได้อย่างกลมกล่อม เป็นจุดที่ช่วยบิวท์อารมณ์และสร้างบรรยากาศในหนังได้เป็นอย่างดี จังหวะเพลงค่อนข้างเหมาะเจาะและลงล็อก เชื่อว่าน่าจะเป็นผลงานที่ส่งไปถึงเวทีรางวัลออสการ์ได้ไม่ยากอีกเช่นกัน

Killers of the Flower Moon

ในภาพรวมแล้ว Killers of the Flower Moon ได้กลายเป็นอีกหนึ่งผลงานระดับตำนานของทีมผู้สร้างและทีมนักแสดงชุดนี้ หนังเล่าถึงโศกนาฏกรรมที่แสนหดหู่ออกมาในรูปแบบมหรสพเชิงอาชญากรรมที่ไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกจดจ่ออยู่ความตึงเครียดเกินไป มันเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความดรามากับรสชาติของความตลกร้ายที่ใส่เข้ามาได้แบบพอดีเป๊ะ

โดยเฉพาะฉากท้าย ๆ ของหนังที่ถือว่าเป็นกิมมิกที่เข้าใจทำออกมาจาก มาร์ติน สกอร์เซซี ด้วยแท้ อาจจะถือได้ว่าเป็นฉากจบที่ช่วยผ่อนคลายโทนอารมณ์ให้กับคนดู และกลายเป็นหนึ่งในซีนที่น่าจดจำอีกซีนของหนังที่ควรจะจารึกเอาไว้ นับว่าโชคดีแค่ไหนที่ได้มีโอกาสดู Killers of the Flower Moon เรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์แบบเต็ม ๆ ตา จากเดิมที่เกือบจะเป็นแต่หนังฉายสตรีมมิงจอเล็กเท่านั้น…ดีจริง ๆ

Killers of the Flower Moon

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง: Killers of the Flower Moon

  • ประเภท: ดรามา / อาชญากรรม
  • ผู้กำกับ: มาร์ติน สกอร์เซซี
  • นำแสดงโดย: ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ, โรเบิร์ต เดอ นีโร, ลิลลี แกลดสโตน
  • ความยาว: 206 นาที
  • กำหนดฉายในไทย: 19 ตุลาคม 2023