เกมการแข่งขันระหว่าง ทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล กับ ทัพสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ในศึกฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบชิงชนะเลิศ โดยเล่นกันที่สนาม เวมบลี่ย์ สเตเดี้ยม, กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา
เกมนี้ ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางห้องเครื่องกัปตันทีม หลุยส์ ดิอาซ ปีกตัวจี๊ด และ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ดาวยิงตัวเก่งของทีม
ขณะที่ทางฝั่งทีม เชลซี ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ โธมัส ทูเคิ่ล มาเล่นในระบบ 3-4-2-1 นำทีมโดย มาเตโอ โควาซิช มิดฟิลด์ตัวขับเคลื่อน เมสัน เม้าท์ เพลย์เมกเกอร์ตัวสร้างสรรค์เกม และ ไค ฮาแวร์ตซ์ กองหน้าตัวความหวังของทีม
นาที 6
เปิดฉากมา เป็นทางฝั่งทัพสิงห์บลูส์ เชลซี ที่ได้ทักทายก่อน แถมเกือบจะได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะ ไค ฮาแวร์ตซ์ พาบอลแหวกตัดเข้ากลางแล้วป้ายออกไปทางริมกรอบฝั่งขวาให้ เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า สอดมาเบิ้ลบอลจังหวะเดียวตบเข้าไปที่กลางประตูให้ คริสเตียน พูลิซิช วิ่งมาวางเท้าแปด้วยขวาเน้น ๆ จ่อ ๆ ระยะแค่ไม่กี่หลา ทว่าเป็น ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายทวารลิเวอร์พูล โชว์ซุปเปอร์เซฟ ผวาป้องกันเอาไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
นาที 12
ทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล ได้ทักทายบ้าง จังหวะนี้ ซาดิโอ มาเน่ พาบอลพลิ้วหนี เทรโวห์ ชาโลบาห์ ทะลุหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย เจ้าตัวครอสเข้ากลางให้กับ หลุยส์ ดิอาซ ได้เกี่ยวบอลลงแล้วโยกหาช่อง ก่อนจะสบโอกาสซัดเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงไปติดบล็อกเต็ม ๆ กระเด้งออกมา ไม่ได้ลุ้นอะไร
นาที 18
ลิเวอร์พูล บุกขึ้นมาได้ลุ้นทำประตูอีกครั้ง จังหวะนี้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ บรรจงวางบอลยาวระยะกว่า 40 หลา ข้ามแนวรับเข้าไปยังพื้นที่ว่างในกรอบเขตโทษให้ ซาดิโอ มาเน่ โฉบมาที่จุดนัดพบ ก่อนจะได้ขึ้นโขกเหน่ง ๆ คนเดียวแต่ดันโดนผิดเหลี่ยมไปหน่อย สุดท้ายส่งบอลพุ่งหลุดกรอบออกหลังไปเองอย่างน่าเสียดาย
นาที 22
ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกระยะอันตราย ประมาณ 22 หลา หน้ากรอบเขตโทษ เยื้อง ๆ ไปทางขวา แล้วเป็น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เล่นลูกสูตร ข้ามหลอกเขี่ยสั้น ๆ ให้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ได้วิ่งมาบรรจงปั่นด้วยซ้ายเน้น ๆ ส่งบอลทะลุบล็อก พุ่งออกหลังไปไกล ยังไม่เข้าเป้า
นาที 27
ลิเวอร์พูล ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย จังหวะนี้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปที่กลางประตู ทว่าบอลดันไปตกโดนแขนของ เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า ผู้เล่นหงส์แดงโวยวายฟ้องจะเอาลูกจุดโทษกันใหญ่แต่ สจ๊วร์ต แอ็ตต์เวลล์ ผู้ตัดสินในเกมนี้ ยังใจแข็ง ไม่ได้ว่าอะไร แถมปล่อยให้เกมดำเนินต่อไป
นาที 30
ลิเวอร์พูล น่าจะได้ประตูขึ้นนำแบบสุด ๆ เป็นจังหวะ นาบี เกอิต้า สอดมารับบอลที่หน้ากรอบ 18 หลา เจ้าตัวสบโอกาสก้มหน้าตะบันด้วยขวาเน้น ๆ เต็มข้อ ส่งบอลพุ่งแรงเป็นจรวดแถมติดไซค์ก้อยแต่โดน เอดูอาร์ เมนดี้ นายทวารเชลซี ผวาเซฟออกมาเข้าทาง ซาดิโอ มาเน่ ได้ปรี่ตามมาซ้ำจ่อ ๆ ระยะไม่ถึง 5 หลา ทว่าเป็นจอมหนึบทีมชาติเซเนกัล โชว์ซุปเปอร์เซฟสองจังหวะติด ๆ ผวาลุกขึ้นมาปัดทิ้งข้ามคานเอาไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
นาที 35
เชลซี ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว เมสัน เม้าท์ แทงบอลทะลุช่องให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้ลากบอลหลุดเดี่ยวทะลุเข้าไปล่อเป้าในเขตโทษ ก่อนที่ศูนย์หน้าค่าตัวแพงจะพยายามยิงหนีตัวของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายทวารลิเวอร์พูล สุดท้ายส่งบอลหลุดกรอบออกหลังไปเองซะอย่างงั้น ทว่ามีธงล้ำหน้ายกขึ้นมา ถ้าเข้าก็ต้องมาเช็ค VAR กันอีกที
นาที 39
เชลซี ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็วอีกครั้ง จังหวะนี้ ไค ฮาแวร์ตซ์ แทงบอลทะลุช่องให้กับ คริสเตียน พูลิซิช ได้หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะยิงมุมแคบยัดไปที่เสาแรกทันที แต่เป็น ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายทวารลิเวอร์พูล ที่ยืนปักหลักปิดมุมรออยู่แล้ว ผวาปัดทิ้งออกมาได้ทันไม่มีปัญหา
นาที 42
เกมเปิดหน้าแลกกันอย่างสนุกจริง ๆ จังหวะนี้ เชลซี บุกขึ้นมาได้จบ จากจังหวะที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ พักอกดึงจังหวะจ่ายกลับหลังมาที่หน้าเขตโทษตั้งให้ เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า วิ่งมากดด้วยซ้ายนอกกรอบเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงเหินข้ามคาน ลอยหลุดออกหลังไปไกล ยังไม่ได้ลุ้นอะไรเท่าไหร่
นาที 45
เชลซี พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ คริสเตียน พูลิซิช ฉกบอลได้แล้วลากแหวกสวนกลับเร็วขึ้นมาจ่ายต่อให้กับ ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะตวัดย้อนเข้ากลางมาให้ เมสัน เม้าท์ วิ่งมาหวดด้วยขวาเต็ม ๆ ส่งบอลพุ่งเฉียดเสาขวามือ หลุดออกหลังไปแค่นิดเดียวอย่างน่าเสียดาย
หมดเวลาครึ่งแรก เกมเปิดแลกกันได้อย่างสนุกสูสี โอกาสครองบอล โอกาสบุกขึ้นมาได้ได้จบแบบจะแจ้งในพื้นที่อันตรายพอ ๆ กัน สุดท้ายยังไม่มีทีมไหนเพลี่ยงพล้ำ ทำอะไรกันไม่ได้ สกอร์ตอนนี้เสมอกันอยู่ที่ ลิเวอร์พูล 0 เชลซี 0 !!!
นาที 49
เปิดฉากครึ่งหลังมา เป็นทางฝั่ง เชลซี ที่ออกหมดก่อน แถมพลาดโอกาสทองที่จะขึ้นนำอีกแล้ว เป็นจังหวะ คริสเตียน พูลิซิช บรรจงยกบอลข้ามแนวรับเข้าไปในเขตโทษให้ เมสัน เม้าท์ วิ่งสอดทำลายกับดักล้ำหน้า ได้หลุดเดี่ยวเข้าไปล่อเป้า ก่อนที่จังหวะสุดท้ายจะยิงหนีตัวของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายทวารลิเวอร์พูล ส่งบอลพุ่งไปชนอย่างจัง กระเด้งออกมาอย่างน่าเสียดาย ทำเอาเจ้าตัวถึงกับกุมขมับเลย
นาที 56
ลิเวอร์พูล ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ หลุยส์ ดิอาซ ใช้ความสามารถเฉพาะตัว พากระชากหนีตัวประกบขึ้นมาทางซ้าย ลากจี้เข้าเขตโทษ ก่อนจะดึงจังหวะหาเหลี่ยมจนได้ช่องแล้วหวดมุมแคบยัดไปที่เสาแรก ทว่าเป็น เทรโวห์ ชาโลบาห์ อ่านเกมขาด ตามมาช่วยซ้อน พุ่งมาขวางทางปืน บล็อกลูกยิงเอาได้ทัน
นาที 57
เชลซี ใช้โควต้าเปลี่ยนตัวคนแรก เนื่องจาก เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า แบ็คตัวเก๋า มีอาการบาดเจ็บเล่นต้องไม่ไหว โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือมาดเด็กเรียน ตัดสินส่งเอา รีซ เจมส์ แบ็คขวาจอมบุกทีมชาติอังกฤษ ที่บาดเจ็บหายไปนาน ลงสนามมาสร้างสรรค์เกมรุกแทนในตำแหน่งเดียวกัน
นาที 58
ทัพสิงห์บลูส์ ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็วได้น่ากลัวเหลือเกินในนัดนี้ เป็นจังหวะ เมสัน เม้าท์ ทำชิ่ง 1-2 กับ ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้หลุดทะลุเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะสบโอกาสวางเท้าซัดเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งไปตรงตัวของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายทวารลิเวอร์พูล ที่ยืนตำแหน่งได้ดี ปิดมุมเซฟเอาไว้ได้ทัน
นาที 60
เวลาดำเนินมาครบหนึ่งชั่วโมง เกมต้องหยุดชะงักไปพักใหญ่ ๆ เมื่อมีจังหวะที่ นาบี เกอิต้า ไปปะทะเข้ากับ เทรโวห์ ชาโลบาห์ อย่างรุนแรง ร่วงลงไปกองด้วยกันทั้งคู่ สุดท้ายผู้ตัดสิน สจ๊วร์ต แอ็ตต์เวลล์ ไม่ได้ว่าและให้เล่นต่อไป ทั้งที่นักเตะเปิดปุ่มอย่างน่าเกลียดด้วยกันทั้งสองฝ่าย
นาที 64
ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ ความผิดพลาดของ เอดูอาร์ เมนดี้ นายทวารเชลซี ที่หวดเคลียร์บอลไม่ดีไปติด ฟาบินโญ่ สวนเร็วต่อมาให้กับ ซาดิโอ มาเน่ แทงทะลุช่องให้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ได้ลากหลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะบรรจงยกบอลข้ามหัวของผู้รักษาประตูสิงห์บลูส์ ส่งบอลกำลังจะเข้าอยู่แล้ว ทว่าเป็น ติอาโก้ ซิลวา ตามมาหวดสกัดทิ้งจากเส้นเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด
นาที 67 VAR!!!
ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ ได้ลูกฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษ บริเวณริมเส้นด้านขวา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยไปที่เสาไกลให้ ซาดิโอ มาเน่ โหม่งกดลงพื้นเน้น ๆ ชงกลับเข้ามาตรงกลางประตูให้ โฌแอล มาติป โฉบตามมาโขกเหน่ง ๆ ระยะเผาขน ส่งบอลเสยเพดาน เข้าประตูไป ตุงตาข่าย ไม่เหลือ ทว่าผู้ตัดสิน สจ๊วร์ต แอ็ตต์เวลล์ ขอย้อนเช็ค VAR สุดท้ายกลับลงมารอบสกอร์คืนเนื่องจาก เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ที่มีส่วนกับการได้ประตูดันไปยืนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า
นาที 73
โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือเชลซี แก้เกมด้วยการถอดเอา เมสัน เม้าท์ กับ คริสเตียน พูลิซิช ออกไปพัก ก่อนจะจัดการส่ง โรเมลู ลูกากู ศูนย์หน้าร่างยักษ์ และ ติโม แวร์เนอร์ ศูนย์หน้าความเร็วสูง ลงสนามมาปั่นป่วนเกมรับคู่แข่งแทน
นาที 76
ลิเวอร์พูล น่าจะได้ประตูขึ้นนำแบบสุด ๆ เป็นจังหวะ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ วางยาวข้ามฟากฝากไปให้กับ หลุยส์ ดิอาซ ได้บอลหลุดขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย เจ้าตัวลากจี้ทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนจะสบโอกาสวางเท้าซัดเน้น ๆ ส่งบอลไปถูก เอดูอาร์ เมนดี้ นายทวารเชลซี โชว์ซุปเปอร์เซฟ ผวาทิ้งตัวใช้ขาป้องกันเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด
นาที 78
เชลซี เกือบได้ประตูขึ้นนำเหมือนกัน เป็นจังหวะความผิดพลาดของ หลุยส์ ดิอาซ ที่ทำเสียบอลโดน มาเตโอ โควาซิช จ่ายเร็วให้กับ ติโม แวร์เนอร์ ได้หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะครอสไปที่เสาไกลให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ โฉบมาโขกเหน่ง ๆ ส่งบอลพุ่งผ่าน ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายทวารลิเวอร์พูล ปลิ้นเข้าประตูไป ทว่าไลน์แมนยกธงตามหลังขึ้นมา เฮเก้อกันไปสำหรับแฟน ๆ สิงห์บลูส์
นาที 79
ลิเวอร์พูล แก้เกมด้วยการเปลี่ยน 3 ตัวรวด โดยทางกุนซืออย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ปรับหมากถอดเอา จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, นาบี เกอิต้า และ ซาดิโอ มาเน่ ออกไปพัก ก่อนจะจัดการเติมความสดด้วยการส่ง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, เจมส์ มิลเนอร์ และ ดิโอโก้ โชต้า ลงสนามมาสร้างสรรค์เกมรุกแทน
นาที 85
ลิเวอร์พูล ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย จังหวะนี้ เล่นลูกสูตรจ่ายมาให้กับ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ แปย่อนคืนเร็วมาให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ได้ตั้งป้อมบรรจงเปิดโด่งโค้งสวยเข้าไปที่กลางประตู บอลชุลมุนขลุกขลิกมาเข้าทาง หลุยส์ ดิอาซ ซัดติดเซฟของ เอดูอาร์ เมนดี้ นายทวารเชลซี กระเด้งชุลมุนอีกชุดมาเข้าทางปืนของ โฌแอล มาติป เกือบจะได้ซ้ำเหน่ง ๆ ยังดีที่มีแนวรับสิงห์บลูส์ตามมาเคลียร์ทิ้งเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด
นาที 90
ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูชัยท้ายเกม จังหวะนี้ ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปที่กลางประตูให้ เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ได้เทคตัวขึ้นโขกเต็ม ๆ ทว่าเป็น เอดูอาร์ เมนดี้ นายทวารเชลซี เจ้าเก่า ยังคงเหนียวหนึบ โชว์ซุปเปอร์เซฟ ป้องกันเอาไว้ได้หวุดหวิดอีกครั้งหนึ่ง
นาที 90+5
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เชลซี ได้ลุ้นส่งท้าย เป็นจังหวะ มาร์กอส อลอนโซ่ พาบอลหนีขึ้นมาถึงสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย ก่อนจะครอสเข้าไปที่หน้าเสาแรกให้ โรเมลู ลูกากู โฉบมาชาร์จแหย่ขายิงเน้น ๆ แต่เป็น ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายทวารลิเวอร์พูล ที่ยังยืนตำแหน่งได้ดีแถมปฏิกิริยายังไว ทิ้งตัวใช้ขาป้องกันเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด
นาที 98
เข้าสู่ช่วงทดเวลาพิเศษ เชลซี ได้ลุ้นก่อน แถมเกือบขึ้นนำ จากจังหวะ เทรโวห์ ชาโลบาห์ แทงเร็วจากแดนหลังให้ โรเมลู ลูกากู ได้กระชากหลุดขึ้นมาจากครึ่งสนามเข้าเขตโทษ เจ้าตัวดึงหลอกลากหนี อิบราฮิม่า โกนาเต้ ทะลุไปได้สวย ก่อนจะมีพื้นที่มีเวลา ได้วางเท้าซัดด้วยซ้ายเน้น ๆ ยัดไปที่เสาแรกสวนตัวของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายทวารลิเวอร์พูล เข้าประตูไป ไม่เหลือ ทว่าผู้ตัดสิน สจ๊วร์ต แอ็ตต์เวลล์ ได้รับสัญญาณ VAR ก่อนจะวิ่งไปดูแล้วสุดท้ายกลับลงริบสกอร์คืนเนื่องจากล้ำหน้า เฮเก้อกันไปสำหรับแฟน ๆ สิงห์บลูส์
นาที 109
เชลซี บุกขึ้นมาได้ลุ้นอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้เกือบได้ประตูอีกแล้ว เมื่อ ไค ฮาแวร์ตซ์ วิ่งโฉบหนีตัวประกบ สอดมารับบอลในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนสบโอกาสวางเท้าตะบันด้วยซ้ายเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงสวนตัวผ่านมือ ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายทวารลิเวอร์พูล เสียบเสาไกลขวามือ เข้าประตูไปแบบงามหยด สุดท้ายโดน VAR จับล้ำหน้าเหมือนเดิม
หมดเวลาการแข่งขัน ลิเวอร์พูล เสมอกับ เชลซี ไปด้วยสกอร์ 0-0 !!! ก่อนที่จะเป็นทัพหงส์แดง ที่แม่นจุดโทษกว่า เอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 11-10 !!! คว้าแชมป์ คาราบาว คัพ สมัยที่ 9 ของสโมสรในรอบ 10 ปีไปครองได้สำเร็จ