อแมนด้า สเตฟลี่ย์ หนึ่งในเจ้าของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด มั่นใจว่า PIF ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสโมสรจะไม่หันไปสนใจเข้าซื้อทีมที่กำลังประกาศขายอยู่ในตอนนี้อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล
ทีมอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล กำลังเปิดกว้างต่อการลงทุนเพิ่มเติม โดยที่รายแรกตกเป็นข่าวหนาหูเกี่ยวกับการขายทีม
ถึงอย่างนั้น สเตฟลี่ย์ บอกว่าพวกเขาเลือก “สาลิกาดง” เพราะแพสชั่นของแฟนบอลรวมถึงราคาของสโมสรที่น้อยกว่าทีมใหญ่ๆหลายเท่า
สเตฟลี่ย์ ที่ถือหุ้นสโมสรอยู่ 10 เปอร์เซนต์กล่าวว่า “ตอนที่เรามอง นิวคาสเซิ่ล, ชัดเจนมากว่าเราต้องการสโมสรที่มีฐานแฟนบอลแพสชั่นสูง เราได้สิ่งนั้นมา เรายังต้องการสโมสรที่เราจ่ายไหวเพราะเราก็เป็นพาร์ทเนอร์กับ PIF ด้วย”
“เราไม่ได้ร่ำรวยขนาดนั้น เราเป็นพาร์ทเนอร์ที่เงินไม่หนาและเป็นพาร์ทเนอร์ที่ช่วยในการตัดสินใจหลายๆอย่าง”
“เราไม่ได้ไปซื้อ สเปอร์ส, เชลซี และ ลิเวอร์พูล ที่วิเศษ ฉันก็เป็นแฟน ลิเวอร์พูล ตัวยงนะและเราเคยพยายามซื้อพวกเขา แต่เราเดินเข้ามาชมเกมของ นิวคาสเซิ่ล และพูดว่า ‘ทำไมถึงต้องจ่ายพันๆล้านปอนด์ในเมื่อจ่าย 350 ล้านปอนด์ก็ได้ (ซื้อนิวคาสเซิ่ล)?'”
แล้วเมื่อถามว่า PIF จะหันเหความสนใจไปหาหนึ่งในสโมสรชั้นนำของโลกหรือไม่, สเตฟลี่ย์ ตอบว่า “ไม่นะ, ไม่คิดเช่นนั้น เราพูดแทน PIF ไม่ได้แต่ก็ไม่เป็นว่าจะเป็นแบบนั้น ปีที่ผ่านมาเราสร้างทีมขึ้นมาจากอันดับ 11 จนมีหวังได้ไปแชมเปี้ยนส์ลีก”
พวกเขาใช้เงินเสริมทัพไป 250 ล้านปอนด์ในตลาดซื้อขายสามรอบที่ผ่านมานับตั้งแต่เข้าเทคโอเวอร์เมื่อเดือนตุลาคม 2021
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ต้องสู้กับกฏแฟร์เพลย์การเงินแล้ว และจำเป็นต้องตามหาสปอนเซอร์กับเพิ่มรายได้เพื่อที่จะเสริมทัพได้มากยิ่งขึ้นในตลาดซื้อขายรอบถัดๆไป
“จนถึงตอนนี้เราทุ่มเงินไป 200 ล้านปอนด์ และเราก็มีแผนธุรกิจวางเอาไว้ตามระยะเวลา 5, 10, 15 ปี”
“ด้วยกฏการเงินเข้มเหมือนอย่างที่เคย, เราต้องทำทุกทางที่ทำได้เพื่อทำให้รายได้และการเงินของเราเพิ่มขึ้น”