นัดนี้จะเป็นการพบกันระหว่าง เวลส์ กับ อังกฤษ ที่สนาม อาห์หมัด บิน อาลี สเตเดี้ยม ในศึก ฟุตบอลโลก2022 (ทีมชาติ) เมื่อวันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา
เกมนี้ เวลส์ จะมาเล่นด้วยระบบ 4-2-3-1 นำโดยแกนหลักของทีมเหมือนเดิมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น แดนนี่ วอร์ด,คริส เมแฟม,เนโก้ วิลเลียมส์,คีฟเฟอร์ มัวร์ และ อารอน แรมซีย์
ขณะที่ อังกฤษ จะมาสู้ด้วยระบบ 4-3-3 นำโดยเสาหลักอย่าง จอร์แดน พิคฟอร์ด,จอห์น สโตนส์,เดแคลน ไรซ์,จอร์แดนน เฮนเดอร์สัน และ มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นต้น
นาทีที่ 10
เปิดฉากได้ 10 นาทีเศษ อังกฤษ เป็นฝ่ายได้ทักทายก่อนเลย จากจังหวะที่พวกเขาตัดบอลตรงกลางสนามได้ และเป็น เคน ที่รีบจ่ายเร็วต่อให้ แรชฟอร์ด กระชากบอลหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนจะเลือกแปด้วยขวาเน้นๆ ติดเซฟ วอร์ด เส้นยาแดงผ่าแปด อังกฤษ ยังไม่ได้ประตูขึ้นนำ
นาทีที่ 15
อังกฤษ ขึ้นเกมมาได้จบสกอร์อีกแล้ว จากจังหวะที่ โฟเด้น เก็บบอลแถวสองได้ ก่อนจะเลือกซัดด้วยซ้ายนอกกรอบ ไม่ส่งเพื่อน สุดท้ายบอลพุ่งหลุดกรแงออกหลังไปแบบไม่ได้ลุ้น
นาทีที่ 45+2
ช่วงทดเจ็บ แฮร์รี่ เคน มีโอกาสได้ใส่สกอร์เหมือนกัน จากจังหวะที่เจ้าตัวได้ตั้งป้อมยิงนอกกรอบ เยื่องไปทางซ้าย แต่น่าเสียดายบอลสุดท้ายดันติดบล็อคของ วิลเลียม ปลิ้นออกหลังได้แค่เตะมุม
หมดครึ่งเวลาแรก
เวลส์ – 0
อังกฤษ – 0
นาทีที่ 50 อังกฤษ ขึ้นนำ 1-0
กลับมาเล่นครึ่งหลังได้แปปเดียว เวลส์ ก็ต้านไม่อยู่เสียแล้ว พวกเขาโดนอังกฤษ ยิงนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ แรชฟอร์ด ซัดฟรีคิกสุดสวย ส่งบอลพุ่งหนีมือ แดนนี่ วอร์ด ตุงตาข่ายไม่มีเหลือ
นาทีที่ 52 อังกฤษ นำห่าง 2-0
เวลส์ หลังจากเสียประตูแรก สมาธิก็กระเจิงไปเลย พวกเขามาพลาดเสียประตูที่สองต่อเนื่องภายในเวลาไม่ถึง 3 นาที จากจังหวะที่ แรชฟอร์ด ไปแซะแย่งบอลมาได้ทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนจะไหลต่อให้ เคน ปาดเรียดเข้ากลางให้ โฟเด้น เข้าฮอสตามสูตร ใส่สกอร์ให้ทีมนำห่าง 2-0
นาทีที่ 68 อังกฤษ ยิงปิดกล่อง 3-0
ช่วงท้ายเกม อังกฤษ มาได้ประตูปิดกล่องเพิ่มอีกลูก จากจังหวะที่ ฟิลลิปส์ โยนบอลข้ามฟากให้ แรชฟอร์ด เก็บบอลที่ริมเส้นฝั่งขวา ก่อนจะลากตัดเข้าในแล้วปั่นด้วยซ้ายเต็มแรง ส่งบอลหนีมือแดนนี่ วอร์ด ตุงตาข่ายอย่างสวยงาม
หมดเวลาการแข่งขัน เป็น อังกฤษ ที่เล่นได้เหนือกว่า ส่งผลให้พวกเขาเอาชนะ เวลส์ ไปได้ ด้วยสกอร์รวม 3-0