“อังกฤษ” เปิดบ้านเฉือนชนะ “สาธารณรัฐเช็ก” ไปแบบ 1-0 ผ่านเข้ารอบต่อไป

เกมการแข่งขัน ระหว่างเจ้าถิ่น ขุนพลสิงโตคำราม ทีมชาติ อังกฤษ กับ ทีมเยือน ทีมชาติ สาธารณรัฐเช็ก ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ฟุตบอลยูโร 2020 โดยเล่นกันที่สนาม เวมบลีย์ สเตเดี้ยม, กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในค่ำคืนวันอังคารที่ 22 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา

เกมนี้ ทีมชาติ อังกฤษ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 นำทีมโดย จอห์น สโตนส์ ปราการหลังร่างยักษ์จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แจ็ค กรีลิช เพลย์เมกเกอร์ตัวทำเกมจากแอสตัน วิลล่า และ แฮร์รี่ เคน ศูนย์หน้าตัวปิดบัญชีจากท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์

ขณะที่ทางฝั่ง ทีมชาติ สาธารณรัฐเช็ก ภายใต้การคุมทีมของ ยาร์โรสลาฟ ซิลฮาวี่ มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 เช่นกัน นำทีมโดย วลาดิเมียร์ คูฟาล แบ็คขวาจอมบุกจากเวสต์แฮม ยูไนเต็ด วลาดิเมียร์ ดาริด้า เพลย์เมกเกอร์จากแฮร์ธ่า เบอร์ลิน และ พาทริค ชิค กองหน้าตัวความหวังจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น

นาที 2

เปิดฉากเกมมาได้แปปเดียว เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น ทีมชาติ อังกฤษ ที่ได้ทักทายก่อน และเกือบจะได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว เป็นจังหวะที่ ลุค ชอว์ เติมสูงหลุดขึ้นมาทางกราบซ้าย แล้วแทงบอลทะลุช่องตัดหลังแนวรับขึ้นหน้าไปให้ ราฮีม สเตอร์ลิง ได้หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะดีดเร็วด้วยขวาผ่านตัว โทมัส วาคลิค ผู้รักษาประตูทีมเยือน ไปได้แล้ว แต่บอลดันไปชนเสาไกลขวามือ กระเด้งออกมา อย่างน่าเสียดายสุด ๆ

นาที 10

ช่วงต้นเกม อังกฤษ บุกใส่อย่างต่อเนื่อง และได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย ลุค ชอว์ เปิดบอลโด่งเข้าไปที่กลางประตู แล้วเป็น จอห์น สโตนส์ ได้เทคตัวขึ้นโขก แต่บอลก็ยังเหินข้ามคานออกไป

นาที 12 GOAL!!!

เจ้าถิ่น ทีมชาติ อังกฤษ มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 !!! เป็นจังหวะเริ่มที่ บูกาโย่ ซาก้า หลุดขึ้นมาทางขวา เปิดล้นมาเข้าทาง แฮร์รี่ เคน ตามไปเกี่ยวบอลได้ แล้วไหลต่อให้ แจ็ค กรีลิช ที่เติมสอดไปเอาบอลที่สุดเส้นหลังในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนที่เจ้าตัวจะโยกหลอกกองหลัง ไปหยอดบอลด้วยซ้ายไปที่หน้าเสาไกลขวามือ แล้วเป็น ราฮีม สเตอร์ลิง โฉบมาโหม่งจ่อ ๆ มุมแคบเบียดเสา เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างง่ายดาย

นาที 23

สาธารณรัฐเช็ก ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ ลูคัส มาโซปุสต์ หลุดขึ้นมาทางกรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนจะครอสพุ่งโค้งเข้าไปในเขตโทษให้ แพทริค ชิค แต่เจ้าตัวโถบเข้าไปโหม่งช้าไปนิดเดียว บอลเลยไปเข้าทาง ไคล์ วอล์คเกอร์ พักอกคืนส่งคืนให้ จอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับสบาย

นาที 26

สิงโตคำราม อังกฤษ เกือบได้ประตูเพิ่ม เป็นจังหวะ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เติมเกมดันสูงขึ้นมาถึงกลางสนาม แล้วบรรจงแทงบอลทะลุช่องให้ แฮร์รี่ เคน ได้หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะล็อคหนี ออนเดรจ์ เซลุสต์ก้า ด้วยซ้ายตัดเข้าในมาเข้าเหลี่ยมเท้าขวา แล้วซัดเร็วไปติดมือของ โทมัส วาคลิค ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่ยังยืนตำแหน่งได้ดี วิ่งออกมากางแขนกางขาขวางทางบอลไว้ได้ทัน

นาที 28

เกมเปิดแลกกันอย่างสนุก จังหวะนี้ ทีมเยือน สาธารณรัฐเช็ก ได้สวนกลับเร็วขึ้นมา และได้ลุ้นประตูตีเสมอ เมื่อ โทมัส โฮลส์ ได้บอลที่หน้าเขตโทษ ก่อนจะแต่งหาช่อง แล้วสตะบันด้วยขวานอกกรอบ บอลพุ่งแรงเป็นจรวดทิศทางก็น่ากลัว แต่ จอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตูอังกฤษ ยังโชว์ซุปเปอร์เซฟ บินไปปัดทิ้งไว้ได้ทันหวุดหวิด เสียเป็นลูกเตะมุมไป

นาที 36

สาธารณรัฐเช็ก เกือบได้ประตูตีเสมอ เป็นจังหวะ วลาดิเมียร ดาริด้า เปิดบอลยาวโต้กลับเร็ว เข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายให้ ยาคุบ ยังค์โต้ สอดมากระโดดยิงเน้น ๆ ทว่าบอลโดน ลุค ชอว์ โหม่งเคลียร์ทิ้งออกมาได้หวุดหวิด บอลลอยออกมาเข้าทางของ โทมัส ซูเซ็ค ได้วิ่งตามมาซ้ำด้วยขวาไม่จับ แต่บอลก็พุ่งหลุดเสาแรกซ้ายมือ ออกหลังไปนิดเดียว

นาที 42

อังกฤษ บุกหนักขึ้นมาทางขวา แจ็ค กรีลิช พาบอลขึ้นมาเอง ก่อนจะไหลให้ แฮร์รี่ เคน ได้พลิกบอล ลากเข้าไปหาช่องยิงด้วยซ้ายเน้น ๆ ในกรอบเขตโทษ แต่บอลพุ่งแรงกระดอนพื้นไปที่หน้าประตู แต่ โทมัส วาคลิค ผู้รักษาประตูทีมเยือน ทิ้งตัวปัดออกมา บอลกระดอนมาเข้าทาง ราฮีม สเตอร์ลิง พยายามจะซ้ำ ทว่า ผู้ตัดสินเป่าให้เจ้าตัวล้ำหน้าเสียก่อน

หมดเวลาครึ่งแรก เป็นเจ้าถิ่น ทีมชาติ อังกฤษ ที่เป็นฝ่ายครองบอล ปูพรมเปิดเกมรุก บุกเข้าใส่ทีมเยือน ทีมชาติ สาธารณรัฐเช็ก อยู่แทบจะฝั่งเดียว รูปเกมโดยรวมทุกอย่างเหนือกว่าอย่างชัดเจน เป็นฝ่ายยิงขึ้นนำไปก่อนแล้ว ด้วยสกอร์ 1-0 !!!

นาที 46

เปิดฉากครึ่งหลังมา แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซืออังกฤษ ก็เป็นฝ่ายขยับปรับเปลี่ยนเกมก่อนเลย โดยที่เจ้าตัวจัดการ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จากลิเวอร์พูล ลงมาคุมจังหวะเกมในแดนกลาง แทนที่ของ เดแคลน ไรซ์ ที่วันนี้เล่นได้ไม่เด่นเท่าไหร่ ไปพักข้างสนาม ขณะที่อีกไม่กี่นาทีถัดมา ยาโรสลาฟ ซิลฮาวี่ กุนซือเช็ก ก็เปลี่ยนตัว ปีเตอร์ เชฟชีค์ ลงมาเล่นแทน ยาคุบ ยังค์โต้ เช่นกัน

นาที 60

เกมผ่านมาได้หนึ่งชั่วโมง จังหวะส่วนใหญ่ของทั้งสองทีม ยังคงสู้กันอยู่ตรงกลางสนาม เจ้าถิ่น อังกฤษ ก็เน้นการครองบอล เล่นรัดกุมมากขึ้น แบบถ้าไม่ได้ไม่เป็นไร ขอไม่เสียไว้ก่อน ส่วนทางทีมเยือน สาธารณรัฐเช็ก ก็ไม่ผลีผลามบุกเข้าใส่เหมือนกัน โดยถ้าจบด้วยสกอร์นี้ อังกฤษจะแซงขึ้นที่ 1 ของกลุ่มทันที ส่วนเช็ก ก็ยังได้เข้ารอบในฐานะอันดับ 3 ที่ทำผลงานได้ดีที่สุด

นาที 68

อังกฤษ ได้ฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษทางกราบขวา บูกาโย่ ซาก้า เปิดบอลโด่งเข้าไปลุ้นที่หน้าประตู เกิดจังหวะชุลมุน แล้วเป็น แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่เหมือนจะโดน ยาน โบริล กระแทกล้มลงไปนอน ทว่าผู้ตัดสิน อาร์ตูร์ ซอเรส ดิอาส ไม่ได้ว่าอะไร และให้เล่นต่อไป

นาที 80

เข้าสู่ช่วง 10 นาที สุดท้าย เกมของทั้งสองทีม เล่นกันได้แบบน่าเบื่อสุด ๆ ครองบอลไปมา เล่นประคองตัว ไม่มีจังหวะให้ได้ลุ้นเลย ราวกับว่า จะพอใจกับผลสกอร์ที่เป็นอยู่ ซึ่งถ้าจบด้วยสกอร์นี้ ทั้งคู่จะจูงมือผ่านเข้ารอบด้วยกันทันที

นาที 83

ทีมเยือน สาธารณรัฐเช็ก ได้โอกาสยิงนับครั้งได้เลยในครึ่งหลัง จังหวะนี้ โทมัส เป็คฮาร์ท ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา เก็บบอลได้หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะขอลองวางเท้ายิงด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ แต่บอลก็ยังหลุดเสา ออกหลังไป แบบไม่ได้ลุ้นเลย

นาที 84

แฟน ๆ สิงโตคำราม อังกฤษ ได้ฮือฮาเล็ก ๆ อยู่พักนึง เมื่อ แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือเจ้าถิ่น จัดการส่ง เจดอน ซานโช่ ลงมายืดเส้นยืดสาย โชว์ความพลิ้วให้แฟน ๆ ได้ชม โดยถอด บูกาโย่ ซาก้า ที่วันนี้เล่นดีจนได้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่าของเกมนี้ ออกไปพักข้างสนาม

นาที 86

อังกฤษ มีโอกาสส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ได้ประตู เป็นจังหวะที่ จู๊ด เบลลิ่งแฮม ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ขยันวิ่งไปปั๊มแย่งบอลจาก ปีเตอร์ เชฟชีค์ บอลกระดอนไปเข้าทาง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้จิ้มจ่อ ๆ เข้าประตูไปอย่างง่ายดาย ทว่า ไลน์แมนยกธงล้ำหน้าให้เจ้าตัวเสียก่อน

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น ทีมชาติ อังกฤษ เปิดบ้านเฉือนเอาชนะทีมเยือน ทีมชาติ สาธารณรัฐเช็ก ไปได้ด้วยสกอร์ 1-0 !!! คว้าแชมป์กลุ่มแบบไร้พ่าย เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ต่อไป ขณะที่ทาง สาธารณรัฐเช็ก คว้าที่ 3 ของกลุ่ม ได้เข้ารอบไปด้วยเช่นกัน