เกมการแข่งขัน ระหว่างทีมสิงโตคำราม ทีมชาติ อังกฤษ กับทีมตราหมากรุก ทีมชาติ โครเอเชีย ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรกของ กลุ่มดี โดยเล่นกันที่สนาม เวมบลีย์ สเตเดี้ยม เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในวันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา
เกมนี้ ทีมชาติ อังกฤษ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 นำทีมโดย จอห์น สโตนส์ ปราการหลังร่างยักษ์จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมสัน เมาน์ท เพลย์เมกเกอร์ตัวทำเกมจากเชลซี และ แฮร์รี่ เคน ศูนย์หน้าตัวปิดบัญชีจากท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
ขณะที่ทางฝั่ง ทีมชาติ โครเอเชีย ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย มาเตโอ โควาซิช กองกลางห้องเครื่องจากเชลซี ลูก้า โมดริช เพลย์เมกเกอร์ตังสร้างสรรค์เกมจากเรอัล มาดริด และ อันเต้ เรบิช กองหน้าจอมพลิ้วจากเอซี มิลาน
นาที 5
เปิดฉากเกมครึ่งแรกมา ก็เป็นทีมชาติ อังกฤษ ที่ได้ทักทายก่อน และเกือบที่จะได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว จากจังหวะ สวนกลับเร็วขึ้นมา แล้วเป็น ราฮีม สเตอร์ลิ่ง จ่ายขึ้นหน้าไปให้ ฟิล โฟลเด้น ได้พาบอลเลี้ยงจี้เข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา โยกหลอก ยอสโก้ กวาร์ดิออล เข้าเหลี่ยมยิง ก่อนจะปั่นด้วยซ้ายเน้น ๆ บอลพุ่งแรงโค้งสวยหนีมือ โดมินิค ลิวาโควิช ผู้รักษาประตูโครเอเชีย ไปชนโคนเสาไกลซ้ายมืออย่างจัง กระเด้งออกมาอย่างน่าเสียดายสุด ๆ
นาที 8
ทัพสิงโตคำราม บุกหนักอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ ได้เตะมุมทางฝั่งซ้าย เมสัน เมาน์ท เปิดบอลโด่งลึกไปที่เสาไกลโดน อังเดรย์ ครามาริช โหม่งสกัดทิ้งออกมาเข้าทางของ คัลวิน ฟิลลิปส์ ตัดสินใจยิงสวนด้วยขวานอกกรอบแบบไม่จับ ทว่า โดมินิค ลิวาโควิช ผู้รักษาประตูโครเอเชีย ยังผวาล้มตัวปัดออกไปได้ทันเวลา
นาที 20
เกมส่วนใหญ่เป็นของทัพสิงโตคำราม อังกฤษ ที่ครองบอลบุกใส่ทัพตราหมากรุก โครเอเชีย อยู่แทบจะฝั่งเดียว จังหวะนี้ เมสัน เมาน์ท แรงบอลให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง หลุดมาถึงสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย ก่อนจะชิพบอลไปที่เสาไกลให้ ฟิล โฟเด้น ที่ยืนกลางมุ้งรอ กำลังจะได้โขกจ่อ ๆ อยู่แล้ว แต่เป็น ยอสโก้ กวาร์ดิออล กองหลังโครเอเชีย วิ่งตามลงมาโหม่งทิ้งเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด
นาที 25
ทีมชาติ อังกฤษ ยังคงขึงเกมรุกเข้าใส่โครเอเชีย อยู่ฝั่งเดียว จังหวะนี้ ได้ลูกทุ่มทางกราบซ้าย คีแรน ทริปเปียร์ ทุ่มบอลเร็งไปให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้พลิกบอลหลุดไปถึงหน้ากรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะตัดสินใจหวดด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงติดไซด์ก้อย แต่ก็ยังหลุดกรอบเสาไกลขวามือออกไป แบบไม่ได้ลุ้นเลย
นาที 27
ทีมชาติ โครเอเชีย ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง เป็นจังหวะ ซิเมา เวอร์ซัลจ์โก้ ดันสูงเติมเกมรุกขึ้นมาได้สวย ก่อนจะกระชากผ่าน คีแรน ทริปเปียร์ หลุดมาทางกรอบเขตโทษด้านขวา แล้วครอสยาวเข้าไปตรงกลางเขตโทษให้ อิวาน เปริซิช ได้สอดมาตวัดยิงเร็วด้วยขวาโล่ง ๆ แต่กดไม่ลง บอลข้ามคานออกไป อย่างน่าผิดหวังสุด ๆ
นาที 38
ทีมชาติ โครเอเชีย เริ่มกลับเข้าสู่เกมได้มากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นฝ่ายวิ่งกดดัน แย่งบอลกลับมาครองได้มากกว่าช่วงต้นเกม แต่จังหวะเข้าทำในพื้นที่สุดท้าย ก็ยังไม่สามารถทำอันตรายอะไรแนวรับทีมชาติ อังกฤษ ได้เลย
นาที 42
อังกฤษ ได้ลูกฟรีคิกระยะอันตราย หน้ากรอบเขตโทษเยื้อง ๆ ไปทางซ้าย แล้วเป็น คีแรน ทริปเปียร์ รับหน้าที่ วิ่งไปบรรจงปั่นด้วยขวาเน้น ๆ แต่บอลไปติดศีรษะของ อิวาน เปริซิช ที่ยืนเป็นกำแพงอยู่ กระโดดบล็อกไว้ได้ทัน ก่อนจะกระดอนออกไป แบบไม่ได้ลุ้นเลย
หมดเวลาครึ่งแรก เป็นทีมชาติ อังกฤษ ที่ครองบอลได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด คอยขึงเกมรุกบุกใส่ทีมชาติ โครเอเชีย อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ทางฝั่ง โครเอเชีย ก็ยังคงตั้งรับได้อย่างเหนียวแน่น และรอจังหวะที่จะสวนกลับเร็วอยู่ตลอดเช่นกัน แต่สุดท้ายก็ยังทำอะไรกันไม่ได้ เสมอกันอยู่ที่ 0-0 !!!
นาที 47
เปิดฉากครึ่งหลังมา เป็นทางทีมชาติ โครเอเชีย ที่ได้ทักทายก่อน เป็นจังหวะที่ ไทโรน มิงส์ พยายามจะหวดเคลียร์บอลทิ้ง แล้วเป็น อิวาน เปริซิช ที่ขยันวิ่งเข้าไปบล็อกเต็ม ๆ บอลกระดอนลอยย้อนกลับไปที่ปากประตูของทางฝั่งอังกฤษ ยังดีที่ จอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตูอังกฤษ ถอยมารับไว้ได้ทัน
นาที 55
โครเอเชีย ได้มีโอกาสยิงแบบจะแจ้งครั้งแรกของครึ่งหลัง เป็นจังหวะ ลูก้า โมดริช ได้บอลนอกกรอบเขตโทษระยะประมาณ 25 หลา เจ้าตัวเงยหน้ามอง ก่อนจะตัดสินใจ ลองสับไกด้วยขวาเน้น ๆ เต็มข้อ บอลพุ่งแรงและตรงกรอบแต่ไม่หนีตัวเท่าไหร่ จอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตูอังกฤษ เขยิบมารับเอาไว้สบาย
นาที 57 GOAL!!!
ทัพสิงโตคำราม ทีมชาติ อังกฤษ มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 !!! เป็นจังหวะสวนกลับเร็วขึ้นมาตรงกลาง คัลวิน ฟิลลิปส์ ได้บอลแล้วลากจี้ขึ้นมาถึงบริเวณกึ่งกลางสนามเยื้อง ๆ ไปทางขวา ก่อนจะเงยหน้ามอง แล้วแทงบอลทะลุช่องคิลเลอร์พาสให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้หลุดเดี่ยวทะลุเข้าไปในเขตโทษตรงกลางประตู แล้วรีบแปด้วยขวาสวนตัว โดมินิค ลิวาโควิช ผู้รักษาประตูโครเอเชีย เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย คลายความกดดันได้สำเร็จ
นาที 61
หลังจากได้ประตูขึ้นนำ ดูเหมือนทีมชาติ อังกฤษ จะได้ใจ บุกใส่ทีมชาติ โครเอเชีย ต่อทันที จังหวะนี้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ไหลออกไปทางกราบซ้ายให้ เมสัน เมาน์ท ได้ตั้งป้อมครอสบอลโด่ง โค้งลึกไปที่เสาไกลให้ แฮร์รี่ เคน ที่วิ่งสอดขึ้นมา พยายามจะพุ่งมาเข้าชาร์จ แต่โดนไม่ดี บอลเหินข้ามคานออกไปไกล ก่อนที่เจ้าตัวจะไถลตามแรงเฉื่อยไปชนเสาประตูเต็ม ๆ ต้องเรียกทีมแพทย์ข้างสนามมาดูอาการอยู่พักใหญ่ ๆ ก่อนจะกลับลงมาสู้กันต่อไป
นาที 65
ตราหมากรุก โครเอเชีย ได้ตอบโต้สวนกลับเร็วขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ มาเตโอ โควาซิช ลากจี้ขึ้นมาเอง มองซ้ายมองขวาไม่เห็นช่องจ่าย เลยตัดสินใจ ขอลองส่องไกลด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบเขตโทษ แต่บอลก็พุ่งไปติดบล็อคของ จอห์น สโตนส์ บอลกระดอนลอยมาเข้าทาง อันเต้ เรบิช ได้พักอกแล้วซัดเร็ว แต่ดันยิงแปก หลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 67
อังกฤษ มาได้ฟรีคิกระยะอันตราย เยื้อง ๆ ไปทางซ้าย ระยะประมาณ 25 หลา คราวนี้เป็น เมสัน เมาน์ท รับอาสา วิ่งมาบรรจงปั่นบอลไซด์โค้งด้วยขวาเน้น ๆ ข้ามกำแพง แต่บอลโค้งลงช้าไปนิด เฉียดคานออกหลังไปนิดเดียว ได้ลุ้นสุด ๆ จังหวะนี้
นาที 74
อังกฤษ พลาดโอกาสทอง ที่จะได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ ฟรีคิกระยะไกล คีแรน ทริปเปียร์ โยนบอลยาวขึ้นหน้าลึกไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวาให้ ไทโรน มิงส์ ได้โหม่งตั้งย้อนเข้าไปที่กลางประตูต่อให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่ยืนโล่ง ๆ ได้ยิงสวนด้วยซ้ายเต็ม ๆ แต่เจ้าตัวซัดบอลโดนไม่ดี ส่งบอลเหินข้ามคานออกไปเอง อย่างน่าผิดหวังสุด ๆ
นาที 85
เข้าสู่ช่วงท้ายเกม โครเอเชีย พยายามจะตั้งเกมบุกให้ได้ แต่ดูแล้วยังไม่มีวี่แววที่จะเจาะแนวรับอังกฤษ เข้าไปยิงประตูตีเสมอได้เลย ขณะที่ทางฝั่ง อังกฤษ เองก็ถอยลงมาตั้งรับกันได้อย่างเหนียวแน่น และแก้เกมด้วยการถอด แฮร์รี่ เคน ดาวยิงตัวเก่งออกไปพัก แล้วส่ง จู๊ด เบลลิงแฮม ลงมาช่วยครองบอลตรงกลาง เพื่อผลาญเวลาให้หมดไปอีกด้วย
หมดเวลาการแข่งขัน เป็นสิงโตคำราม ทีมชาติ อังกฤษ ประเดิมสนาม เฉือนเอาชนะตราหมากรุก ทีมชาติ โครเอเชีย ไปได้แบบหืดขึ้นคออยู่เหมือนกัน 1-0 !!! เก็บสามคะแนนแรกได้ตามเป้า เขยิบขึ้นมารั้งอันดับที่ 1 ของตารางทันที โดยนัดต่อไปจะพบกับทีมชาติ สกอตแลนด์ ในวันที่ 19 มิถุนายน ขณะที่ทางฝั่ง ทีมชาติ โครเอเชีย ร่วงลงมาอยู่อันดับโหล่ของตารางคะแนน นัดต่อไปจะพบกับทีมชาติ เช็ก ในวันที่ 18 มิถุนายน ที่จะถึงนี้