บรูโน่ แฟร์นานเดส เพลย์เมกเกอร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืนยันว่าเขาไม่ได้รับผลกระทบจากบทสัมภาษณ์ฉาวของ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ เพื่อนร่วมสโมสรและทีมชาติ พร้อมยืนยันว่าตนไม่มีปัญหากับใครทั้งสิ้น ตอนนี้ขอโฟกัสกับฟุตบอลโลกเท่านั้น
บทสัมภาษณ์ฉบับเต็มระหว่าง เพียร์ส มอร์แกน กับ โรนัลโด้ ถูกปล่อยออกมาเรียบร้อยทั้งสองภาค มีหลายช่วงที่ดาวยิงซูเปอร์สตาร์ วิจารณ์พัฒนาการสโมสร รวมไปถึง เอริค เทน ฮาก
ราฟาเอล วาราน เซ็นเตอร์แบ็คคนสำคัญของ “ปีศาจแดง” ยอมรับว่าบทสัมภาษณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้เล่นในทีม
คืนวันพฤหัสที่ผ่านมา แฟร์นาเดส ลงเล่น 45 นาทีแรก ทำคนเดียว 2 ประตู ช่วยให้โปรตุเกส อุ่นเครื่องเปิดบ้านถล่ม ไนจีเรีย 4-0 และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่หนึ่งในคนที่ได้รับผลกระทบ โดยให้สัมภาษณ์หลังเกมกับ Sky Sports ว่า
“ผมไม่ได้อ่านบทสัมภาษณ์นั้น ดังนั้นผมจึงโอเคกับเรื่องนี้, อย่างที่ผมเคยบอกไป ตอนนี้เป็นเวลาของทีมชาติโปรตุเกส”
“ผมบอกกับเขาไปว่า โค้ชบอกว่าเราต้องให้ความสำคัญกับทีมชาติ, ผมคิดว่าโค้ชบอกแบบนี้ตั้งแต่ผมติดทีมชาติครั้งแรกเมื่อปี 2017 และสิ่งนี้ยังชัดเจนในใจผม”
“งานหลักของเราคือที่นี่ กับทีมชาติ และเราต้องโฟกัสกับทีมชาติ เพราะฟุตบอลโลกไม่ได้มาถึงทุกครั้ง และคุณไม่มีโอกาสลงเล่นฟุตบอลโลกบ่อยหนัก”
“คริสติอาโน่ โชคดีที่ได้เล่นฟุตบอลโลก 5 ครั้ง, ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 5 ของเขา ดังนั้นทุกคนพร้อมกับรายการนี้ และต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทีม”
แฟร์นานเดส ถูกถามเกี่ยวกับคลิปวีดีโอจังหวะจับมือกับ โรนัลโด้ ซึ่งถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์ โดยมีชาวเน็ตตั้งข้อสังเกตถึงท่าทีอันเย็นชาผิดปกติ
“คุณต้องดูวีดีโอนี้แบบเปิดเสียงด้วย, สื่อโปรตุเกสมีปัญหา, ผมดูรายการช่องหนึ่งใช้เวลา 45 นาทีพูดถึงเรื่องนี้ว่ามันดูเย็นชา และดูแย่”
“หลังจากนั้น ทีมชาติส่งคลิปวีดีโอแบบมีเสียงไปให้ และเสียงนั้นก็แสดงให้เห็นว่าเขาแค่กำลังล้อเล่นกับผมอยู่ ซึ่งสื่อแก้ข่าวว่าเป็นเรื่องตลก แล้วก็จบแต่เพียงเท่านี้ “
“ถ้าสื่ออธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นในวีดีโอนั้น ผู้คนจะรู้ความจริง แต่ตอนนี้ผู้คนไม่รู้”
“ผมไม่มีปัญหาใดๆ กับใครทั้งสิ้น และผมแค่ทำงานของผม, ครั้งนึงเคยมีผู้จัดการทีมคนหนึ่งบอกผมว่า สิ่งที่คุณควบคุมได้คือตัวคุณเท่านั้น และผมว่าทุกคนก็คิดเหมือนกัน, คุณต้องควบคุมตัวเองและมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทีม มันก็เท่านั้น”
“ผมจะกลับไปโฟกัสกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากวันที่ 18 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันแข่งรอบชิงบอลโลก”