‘เนฟ’ บอกยังรัก ‘ค.โด้’ เสมอ-ไม่เห็นด้วยวิจารณ์ดาวรุ่ง

แกร์รี่ เนวิลล์ ตำนานแบ็คขวา ผิดหวังที่ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ คงจะไม่ได้กลับมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกแล้ว พร้อมยืนยันว่าเขายังรักเพื่อนร่วมทีมคนนี้อยู่เสมอ แต่ติดใจอยู่อย่างเดียวคือคำวิจารณ์เรื่องเหล่าดาวรุ่งจากดาวยิงซูเปอร์สตาร์

คืนวันพุธที่ผ่านมา บทสัมภาษณ์ระหว่าง เพียร์ส มอร์แกน โรนัลโด้ ออกฉายฉบับเต็มภาคแรก มีช่วงหนึ่งที่ดาวยิงซูเปอร์สตาร์ แสดงความผิดหวังที่ถูก เนวิลล์ วิจารณ์ และยืนยันว่าทั้งคู่ไม่ใช่เพื่อนเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน

เนวิลล์ ได้ดูรายการแล้ว และปริปากเป็นครั้งแรกให้สัมภาษณ์กับ Sky Sports แสดงทัศนะถึงสถานการณ์ของ โรนัลโด้

“ผมคิดว่า คริสติอาโน่ เก็บความหงุดไว้ใจมาตลอดหลายเดือนหลัง ฤดูกาลนี้เขาไม่เคยให้สัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้นไม่ว่ากับสื่อไหนก็ตาม”

“ยูไนเต็ด ลงเล่นทุกสัปดาห์ และผมเดาว่า คริสติอาโน่ คงจะถูกขอให้สัมภาษณ์สื่อหลังเกมทุกนัด แต่เขาเลือกที่จะไม่พูด, ตอนนี้เขารู้สึกว่าจำเป็นต้องออกมาพูดในมุมของเขา และปลดปล่อยออกมาซึ่งสิ่งที่รบกวนจิตใจอยู่

“ผมเรียกร้องมาหลายปีให้นักฟุตบอลกล้าแสดงออก, มีความคิดเป็นของตัวเองอย่างอิสระ และออกมาพูดสิ่งที่อยู่ในใจพวกเขา โดยไม่ต้องให้ทีมงานพีอาร์จัดการชีวิตในทุกเรื่อง”

“ผมคิดว่าสำหรับกรณีนี้ คงไม่มีที่ปรึกษาด้านพีอาร์คนไหนแนะนำให้ คริสติอาโน่ ทำแบบนั้น, เขาคงจะทำสิ่งนี้ จากความแข็งแกร่งด้านคาแรกเตอร์และบุคลิกของเขาเอง”

“มันอาจมีวิธีการแบบอื่น แต่นั่นเป็นเรื่องของ คริสติอาโน่ และสโมสร, ผมเคยแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันตั้งแต่ 3-4 สัปดาห์ก่อน เพราะมันชัดเจนแล้วว่าความสัมพันธ์กำลังพังทลาย หรือก็ไม่พังไปแล้ว”

“ผมเคยแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายสงบศึก และประคองให้ผ่านช่วงเดือนมกราคมหรือฟุตบอลโลกไปก่อน, การอำลาทีมไม่จำเป็นต้องออกมาในลักษณะนี้ ถ้าทั้งสองฝ่ายทำงานเชิงรุกและมีความเป็นผู้ใหญ่”

“ผมผิดหวังที่ดูเหมือนว่าการพูดคุยนั้นจะไม่เกิดขึ้นจริง, สโมสรไม่มีการควบคุมหรือจัดการ คริสติอาโน่ และดูเหมือนว่า คริสติอาโน่ ก็ไม่ติดต่อสื่อสารกับสโมสรเช่นกัน”

“เรื่องจึงจบลงด้วยสถานการณ์ที่ค่อนข้างไม่น่าพอใจแบบนี้ ซึ่งดูเหมือนว่า คริสติอาโน่ กำลังจะจบเส้นทางกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยความรู้สีกแบบไม่ยิ่งใหญ่ตามที่สมควรจะเป็น”

“คริสติอาโน่ คือหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอล และแน่นอนเลยว่า เขาเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาลของ ยูไนเต็ด”

“บางทีมันก็เป็นเรื่องที่รับได้ยาก ผมจำได้ว่าตอนยังเล่นอยู่ ผมไม่เคยรู้สึกว่ามันถูกต้องเมื่อมีผู้เล่นอำลา ยูไนเต็ด และตอนนี้ในฐานะแฟนบอลผมก็ยังรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ที่ผู้เล่นซึ่งผมเคยลงเล่นด้วยต้องอำลาสโมสรในลักษณะแบบนี้”

“ไม่มีทางที่ คริสติอาโน่ จะได้กลับมา แมนฯ ยูไนเต็ด และผมคิดว่าเขาก็ไม่ต้องการกลับมาด้วย, เขาคงไม่ให้สัมภาษณ์นี้ถ้าเขาต้องการกลับมา เขารู้ดีว่าบทสัมภาษณ์นี้จะเป็นข่าวดัง และเป็นการสิ้นสุดเส้นทางของเขากับทีม”

“ในมุมของสโมสร, คริสติอาโน่ พูดในสิ่งที่เขาพูดไปแล้ว เขาออกรายการและวิจารณ์ทั้งผู้เล่นดาวรุ่งในสโมสร, เอริค เทน ฮาก, เจ้าของทีม และบอร์ดบริหาร…”

“ถ้าคุณทำแบบนั้นไม่ว่าจะในวงการไหน, ถ้าคุณวิจารณ์หัวหน้าแผนกของคุณ, วิจารณ์เจ้าของหรือบอร์ดบริหารของบริษัท คุณจะไม่ถูกจ้างอีกต่อไปอย่างแน่นอน”

“ตอนนี้ผมสงสัยว่า แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังทำอะไรอยู่ เพราะความจริงคือพวกเขารู้ว่าต้องยกเลิกสัญญา คริสติอาโน่ ไม่เช่นนั้นจะแบบอย่างให้ผู้เล่นคนอื่นวิจารณ์พวกเขาในอนาคต”

“ผมเห็นด้วยกับบางอย่างที่ คริสติอาโน่ พูด และแฟนบอลหลายคนก็จะเห็นด้วยเช่นกัน แต่ความจริงคือ เมื่อคุณเป็นลูกจ้างแล้วพูดสิ่งเหล่านั้น คุณจะต้องโดนยกเลิกสัญญา และไม่ต้องสงสัยเลยว่าอีกไม่กี่วัน ยูไนเต็ด ก็จะทำแบบนั้น”

“นั่นคงเป็นสิ่งที่ คริสติอาโน่ ต้องการอยู่แล้ว แต่มันไม่จำเป็นต้องจบลงแบบนี้เลย”

“ตอนผมเห็น คริสติอาโน่ ให้สัมภาษณ์นี้, เขาดูเป็นคนอ่อนไหวง่าย จากความยิ่งใหญ่และพรสวรรค์ที่เขามี ลึกๆ แล้วเขาค่อนข้างเปราะบาง ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้น มีหลายครั้งที่เขาดูคล้ายแกะที่กำลังหลงทาง”

“ความจริงก็คือเขาทำแบบนั้นไปแล้ว และคุณต้องชื่นชมคนที่พูดเรื่องในใจออกมา ผมจะไม่มีวันวิจารณ์คนที่ทำแบบนั้น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ออกมาตอบคำถามแล้ว ซึ่งอาจเป็นข้อดีอย่างเดียวจากเรื่องนี้”

“ผมคิดว่า เทน ฮาก รับมือสถานการณ์อันแสนยากลำบากในช่วง 6 เดือนแรกที่ ยูไนเต็ด ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผมไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรที่แตกต่างไปจากนี้ได้”

“คริสติอาโน่ คือผู้เล่นระดับปีศาจ มีคาแรกเตอร์ระดับปีศาจ พร้อมด้วยอิทธิพลมหาศาล, เทน ฮาก ตกที่นั่งลำบากเพราะถ้าเขาวิจารณ์ คริสติอาโน่ ออกสื่อ เขาคงจะไม่ใช่ผู้ชนะ”

“เรารู้ว่า เทน ฮาก มีปัญหาส่วนตัวกับ คริสติอาโน่ เพราะเขาไม่ส่งลงสนาม แต่ทั้ง คริสติอาโน่, เทน ฮาก, ผู้บริหาร, ผู้อำนวยการ และเจ้าของทีม ควรพูดคุยกันตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เพื่อตกลงแยกทางกัน”

“พวกเขาไม่ได้ทำแบบนั้นและคิดว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไร แต่วงการฟุตบอลไม่ใช่แบบนั้น โดยเฉพาะเมื่อคุณรับมือกับผู้เล่นที่มีคาแรกเตอร์ยิ่งใหญ่อย่าง คริสติอาโน่”

“คริสติอาโน่ ดูเหมือนคนที่คิดว่าทั้งโลกเป็นศัตรูกับเขา – มันไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้น, สโมสรควรติดต่อกับ คริสติอาโน่ เพื่อจบเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด เพราะตอนนี้สถานการณ์มันแย่ลงทุกวัน”

“ผมไม่ใช่ศัตรูของ คริสติอาโน่ – มันห่างไกลจากความเป็นจริงมาก, ผมไม่สามารถชื่นชมและให้ความเคารพเขาได้มากกว่านี้แล้ว, เขาเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผมเคยเห็น และมีพรสวรรค์มากที่สุดที่ผมเคยเล่นด้วย”

“สิ่งที่ คริสติอาโน่ พูดเกี่ยวกับตัวผมไม่ใช่ความจริง แต่มันก็ยุติธรรมดี สงครามและความรักเป็นแบบนี้แหละ”

“ผมอยู่ในวงการนักวิจารณ์ และผมรู้ว่าผมต้องรับคำวิจารณ์ให้ได้เช่นกัน ซึ่งผมได้รับเพียบเลย แต่ผมรักเพื่อนร่วมทีมทุกคนที่เคยลงเล่นด้วย รวมไปถึง คริสติอาโน่”

“ผมเห็นคอมเม้นท์ของ คริสติอาโน่ และผมยอมรับคำวิจารณ์เหล่านั้น, ผมจะยังจับมือกับเขาอยู่ ถึงแม้ว่าเขาอาจไม่ยอมจับมือผมก็ตาม! ผมไม่เคยติดใจกับเรื่องพวกนี้”

“แต่ผมผิดหวังที่ คริสติอาโน่ วิจารณ์เหล่าดาวรุ่ง, ผู้คนก็เคยพูดแบบนี้ตอนเราเป็นดาวรุ่งยุค 90, มันเป็นสิ่งที่คนอายุ 30, 40, 50 ปีพูดถึงคนอายุ 16, 17, 18 ปี และมันไม่ใช่ความจริง”

“จริงๆ แล้วผมคิดว่านักฟุตบอลสมัยนี้ จิตใจแข็งแกร่งกว่า 20 ปีที่แล้วเสียอีก เพราะคำวิจารณ์ต่างๆ ที่พวกเขาได้รับบนโลกโซเชียลมีเดีย รวมไปถึงเรื่องความกดดันทั้งหลาย, ผมคิดว่ามันไม่ยุติธรรมที่เขาจะวิจารณ์เหล่าดาวรุ่ง”

“ผมไม่รู้ว่าคำวิจารณ์ของ คริสติอาโน่ พุ่งเป้าไปที่ การ์นาโช่ หรือไม่ มีแค่ คริสติอาโน่ เท่านั้นที่รู้ แต่ผมว่าคงไม่ใช่หรอกมั้ง”

“สิ่งเดียวที่ผมอยากพูดคือ เมื่อมีผู้เล่นอายนุ้อยทำประตูใส่ ฟูแล่ม ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา, ประตูนั้นไม่เหมือนกับที่ คริสติอาโน่ ทำได้หลายปีก่อนที่ ฟูแล่ม แต่ก็เกิดในพื้นที่เดียวกันของสนาม”

“นั่นเป็นช่วงเวลาสำคัญในอาชีพของผู้เล่นดาวรุ่ง, ถ้าผมเป็น คริสติอาโน่ ผมคงจะโทรหา เพียร์ส มอร์แกน แล้วบอกว่า ‘เลื่อนฉายรายการไปเป็นวันพรุ่งนี้ และให้ดาวรุ่งคนนี้ได้มีค่ำคืนของเขาเถอะ’, ผมคิดว่าทำแบบนี้ดูฉลาดกว่านะ”

“เพื่อนร่วมทีมของ คริสติอาโน่ เพิ่งยิงประตูชัยนาทีสุดท้ายได้ในคืนวันอาทิตย์ มันคงจะดีกว่าหาก คริสติอาโน่ เลื่อนประกาศเรื่องบทสัมภาษณ์ไปเป็นคืนวันจันทร์ แต่ความจริงก็คือเรื่องเกิดไปแล้ว และมันก็เป็นสิ่งที่มันเป็น”