ดิดิเยร์ ดร็อกบา ตำนานหัวหอก เชลซี แสดงทัศนะว่า เบลเยียม ไม่ควรจะโยนความผิดที่ทีมตกรอบให้ โรเมลู ลูกากู เพราะดาวยิงร่างยักษ์เพิ่งหายเจ็บกลับมาลงสนาม จึงต้องการเวลาปรับตัวกับจังหวะของเกม
คืนวันพฤหัสที่ผ่านมา “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ทำศึกฟุตบอลโลกนัดชี้ชะตากับ โครเอเชีย โดย ลูกากู ถูกเปลี่ยนลงมาในครึ่งหลัง แต่ไม่สามารถช่วยให้ทีมคว้าชัยได้ จบลงด้วยผลเสมอ 0-0 พร้อมตกรอบแบ่งกลุ่ม
ดาวยิงวัย 29 ปีเจ้าของสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลในทีมชาติ ซึ่ง “สิงห์บลูส์” ปล่อยให้ อินเตอร์ มิลาน ยืมตัว ได้รับเสียงวิจารณ์หนักเนื่องจากพลาดโอกาสทองหลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม ดร็อกบา เห็นต่างโดยแสดงทัศนะกับ BBC ว่า
“เราทุกคนรู้สึกเสียใจกับ ลูกากู แต่เราไม่สามารถโยนความผิดให้คนที่บาดเจ็บมาตลอด 2 เดือนได้, เขาได้เวลาลงสนามแค่ 30 นาทีและคุณต้องการให้เขาพาทีมคว้าชัย”
“ลูกากู ควรจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วกว่านี้ในฐานะกองหน้า แต่ก็เป็นเรื่องยากมากที่จะโยนความผิดให้เขาจากเรื่องนี้”
ช่วงนาทีที่ 60 ลูกากู ได้โอกาสจ่อๆ จากระยะ 7 หลา โดยที่นายประตูของ โครเอเชีย หลุดตำแหน่งไปแล้ว แต่เขายิงไปชนเสาเข้าเต็มใบ
“ผมคิดว่านั่นเป็นจังหวะที่ยาก เพราะมีกองหลังกับผู้รักษาประตูอยู่ตรงหน้าเขา, ลูกากู ใช้เท้าขวายิง และการจัดระเบียบร่างกายของเขา ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะเอี้ยวตัวยิง” อดีตศูนย์หน้าทีมชาติ ไอวอรี่ โคสต์ กล่าวเพิ่ม
“ลูกากู ต้องการเวลาลงสนามอีกเพื่อจับจังหวะของเกม หากเป็นนักเตะแบบ อินซากี้ ผมคิดว่าคงจะยิงได้ เพราะเขาพร้อมจะตอบสนองอยู่ตลอดเวลา”
“ผมคิดว่าที่ ลูกากู หงุดหงิด ไม่ใช่เพราะเพียงแค่เขาพลาดโอกาสยิงประตู แต่เป็นเพราะเรื่องสปิริตภายในทีมระหว่างทัวร์นาเมนท์นี้ด้วย”
“การถกเถียงและความขัดแย้งต่างๆ ระหว่างเหล่าผู้เล่น คือสิ่งที่ทำให้ ลูกากู หงุดหงิดมากกว่าเรื่องโอกาสทำประตูที่เขาพลาดไป”
เช่นเดียวกับ ทิโมธี กาสตาเญ่ ฟูลแบ็ค เบลเยียม ซึ่งได้ลงเล่น 90 นาทีในเกมนี้ ที่ออกมาปกป้อง ลูกากู เช่นกัน โดยให้สัมภาษณ์หลังจบเกมที่สนาม อาหมัด บิน อาลี สเตเดี้ยม ว่า
“ผมจะไม่พูดว่าเป็นความผิดของเขา เพราะนอกจากลงมาเพื่อยิงประตูแล้ว เขายังสร้างโอกาสทำประตูเหล่านั้นด้วย, เขาพักบอลและจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีม”
“บางทีถ้า ลูกากู ไม่ได้ลงสนาม เราอาจไม่มีโอกาสเหล่านั้นก็ได้ ผมไม่คิดว่าเราสามารถโทษเขาได้ เขาพยายามเต็มที่และมอบทุกอย่างให้ทีมแล้ว, ถ้าบอลจะไม่เข้าประตู ทำยังไงมันก็ไม่เข้า”