เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ราโย มาฆาดาออนด้า เปิดสนาม เอสตาดิโอ ว่านต๋า เมโตรโปลีตาโน่, กรุงมาดริด ประเทศสเปน (สนามยืม) ต้อนรับการมาเยือนของทัพตราหมี แอตเลติโก้ มาดริด ในศึกฟุตบอล โกปา เดล เรย์ รอบ 32 ทีมสุดท้าย เมื่อค่ำคืนวันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา
เกมนี้ เจ้าถิ่น ราโย มาฆาดาออนด้า ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ อาเบล โกเมซ มาเล่นในระบบ 4-4-2 นำทีมโดย เฆซุส เบร์นาล กองกลางห้องเครื่อง เนสตอร์ ซูซาเอต้า ปีกตัวจี๊ด และ รูเบน ซานเชซ ศูนย์หน้าตัวความหวังของทีม
ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ มาเล่นในระบบ 4-4-2 เช่นกัน นำทีมโดย โรดรีโก้ เด ปอล กองกลางห้องเครื่องตัวสร้างสรรค์เกม ยานนิค แฟร์เรร่า การ์ราสโก้ ปีกจอมลากเลื้อย และ หลุยส์ ซัวเรซ ศูนย์หน้าตัวความหวังของทีม
นาที 1
เปิดฉากมาไม่กี่อึดใจ เป็นทางฝั่งทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด ที่ได้ทักทายก่อน แถมเกือบจะขึ้นนำไว จากจังหวะ ได้ลูกฟรีคิกบริเวณกึ่งกลางสนามเยื้อง ๆ ไปทางฝั่งซ้าย โตม่าส์ เลอมาร์ บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยไปที่กลางประตู แล้วเป็น เชฟเฟร่ย์ ก็องด็อกเบีย สอดมาโหม่งเช็ดเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งไปตรงตัวของ กอร์ก้า คีราลต์ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับพลาดกระฉอกออกมาเข้าทาง หลุยส์ ซัวเรซ ได้ชาร์จแบบจวนตัวจ่อ ๆ ติดตัวของนายทวารคนเดิมที่นอนยังไม่ลุก กลิ้งออกหลังไป ได้เป็นลูกเตะมุมแทน ช็อตนี้ทำเอามือเจ้าตัวเจ็บ ต้องโดนถอดเอาโกลตัวสำรองลงมาเล่นแทน
นาที 6
ทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด เป็นฝ่ายได้บุกต่อตามคาด จังหวะนี้ ยานนิค แฟร์เรร่า การ์ราสโก้ แทงตามช่องให้ หลุยส์ ซัวเรซ วิ่งสอดตัดหลังแนวรับ หลุดไปเอี้ยวตัวแปเล่นทางด้วยขวาเน้น ๆ แบบไม่จับในเขตโทษฝั่งซ้าย ส่งบอลพุ่งไปโดน ฟิลิป โอเซย กองหลังเจ้าถิ่นที่ยืนอยู่ตรงนั้นพอดี หวดสกัดออกมาที่หน้าเขตโทษเข้าทาง โรดรีโก้ เด ปอล ได้พักอกเอาบอลลง ก่อนจะฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลลอยโด่ง เหินข้ามคานออกไปไกล
นาที 12
ทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด เกือบได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ เขี้ยวเปลี่ยนจุดให้ โรดรีโก้ เด ปอล บรรจงวางยาวจากกลางสนาม ส่งบอลลอยโด่งเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย แล้วเป็น มาเธอุส กุนญ่า วิ่งสอดไปเทคตัวขึ้นโขก โหม่งชงกลับมาที่หน้าประตู ก่อนที่จะเป็น อัลบาโร่ เวก้า กองหลังเจ้าถิ่น ที่สกัดผิดเหลี่ยม จิ้มบอลเข้าประตูตัวเองไปเฉยเลย ทว่าผู้ตัดสิน เป่าย้อนให้เป็นลูกล้ำหน้าของศูนย์หน้าทัพตราหมีในจังหวะก่อนหน้า รอดตัวไปสำหรับเจ้าถิ่น
นาที 17 GOAL!!!
ทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนเป็น 1-0 !!! จากจังหวะ ฆอร์เค่ กาซาโด้ พยายามจะหวดสกัด แต่บอลดันไปติดบล็อกของ ยานนิค แฟร์เรร่า การ์ราสโก้ ที่ขยันวิ่งตามขึ้นมากดดัน บอลกระเด้งเข้าไปที่กลางประตูเข้าทาง มาเธอุส กุนญ่า ได้กลับตัวซัดด้วยซ้ายโล่ง ๆ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างง่ายดาย
นาที 20
ทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด เกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ มาร์คอส ยอเรนเต้ เติมสูงหลุดขึ้นมาถึงสุดเส้นหลังฝั่งขวา เจ้าตัวตวัดเลียดเข้าไปในเขตโทษให้ เชฟเฟร่ย์ ก็องด็อกเบีย วิ่งมากดด้วยขวาติดบล็อก บอลกระเด้งมาที่กลางประตูเข้าทาง หลุยส์ ซัวเรซ วอลเลย์ซ้ำด้วยขวาเต็ม ๆ แบบไม่จับ ส่งบอลพุ่งแรงเป็นจรวดแต่ดันไปตรงตัวของ อัลบาโร่ เฟอร์นานเดซ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ผวาทุบทิ้งออกมาได้ทันหวุดหวิด
นาที 26 GOAL!!!
ทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด มาได้ประตูหนีห่างออกไปเป็น 2-0 !!! จากจังหวะ ต่อบอลจากกราบขวา ขวางสนามมาที่หน้าเขตโทษถึง โตม่าส์ เลอมาร์ เจ้าตัวแทงทะลุช่องเร็วคิลเลอร์พาสเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ เรนาน โลดี้ วิ่งสอดมาก้มหน้าวางเท้าแปด้วยซ้ายเน้น ๆ แบบไม่จับ ส่งบอลพุ่งแรงไปแฉลบบล็อกกองหลังเจ้าถิ่นนิดนึงแต่ไม่เป็นผล สุดท้ายลอยเสียบเสาไกลขวามือ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม
นาที 41 GOAL!!!
ทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด มาได้ประตูเพิ่มเป็น 3-0 !!! จากจังหวะเริ่มที่ ยานนิค แฟร์เรร่า การ์ราสโก้ แทงตามช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ มาร์คอส ยอเรนเต้ สอดตัดหลังแนวรับหลุดไปจ่ายเบียดเข้ากลางถวายพานให้ หลุยส์ ซัวเรซ วิ่งมาแปด้วยขวาเน้น ๆ เล่นทางแบบไม่จับ ส่งบอลพุ่งเลียดหนีมือ อัลบาโร่ เฟอร์นานเดซ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เสียบเสาไกลซ้ายมือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างง่ายดาย
หมดเวลาครึ่งแรก เป็นทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด ที่ได้เล่นสนามตัวเอง เป็นฝ่ายครองบอล คุมเกมคุมสถานการณ์เอาไว้ได้หมด เจ้าถิ่น ราโย มาฆาดาออนด้า บอลคนละชั้น แทบไม่ได้ทำเกมบุกขึ้นมาเลย สกอร์ตอนนี้ ทัพตราหมี ยิงขาดไปแล้วถึง 3-0 !!!
นาที 50
เปิดฉากครึ่งหลังมา ทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด ได้เสียวทันที จังหวะนี้ ฆอร์เค่ กาซาโด้ กองหลังตัวสุดท้าย เจอกดดันโดย มาเธอุส กุนญ่า เจ้าตัวจ่ายคืนกลับหลังเบี้ยว ไม่ตรงตัวของ อัลบาโร่ เฟอร์นานเดซ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ที่วิ่งสวนออกมาพอดี บอลกลิ้งเฉียดเสาขวามือ หลุดออกหลังไปแค่นิดเดียวเท่านั้น เกือบทำเข้าประตูตัวเองซะแล้ว
นาที 51
ทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด น่าจะได้ประตูเพิ่มแบบสุด ๆ เป็นจังหวะ เรนาน โลดี้ เติมสูงขึ้นมารับบอลทางริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย เจ้าตัวตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปที่กลางประตูให้ หลุยส์ ซัวเรซ ได้เทคตัวขึ้นโขกสะบัดเหน่ง ๆ ส่งบอลกระเด้งพื้นทำท่าจะเสียบเสาไกลขวามือเข้าประตูอยู่แล้ว ทว่าเป็น อัลบาโร่ เฟอร์นานเดซ นายทวารเจ้าถิ่น โชว์ซุปเปอร์เซฟ ผวาพุ่งไปปัดเอาไว้ได้ทันอย่างไม่น่าเชื่อ
นาที 58
เจ้าถิ่น ราโย มาฆาดาออนด้า ได้ลุ้นประตูตีไข่แตก จากจังหวะ ได้ลูกฟรีคิกบริเวณริมเส้นฝั่งซ้าย เฆซุส เบร์นาล บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยไปที่เสาแรกให้ อิทเทอราสเป้ เดอทีโน่ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา โฉบมาโหม่งเสยเน้น ๆ เช็ดบอลเปลี่ยนทางพุ่งแรงไปตรงตัวของ ยาน โอบลัค ผู้รักษาประตูทีมเยือน รับเอาไว้ได้สบาย
นาที 67 GOAL!!!
ทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด ได้บวกสกอร์เพิ่มเป็น 4-0 !!! จากจังหวะ ประสานงานทำชิ่งกันอยู่สองคนไปมาอย่างกับคู่หูแข้งทองของสองตัวสำรอง ก่อนที่จะเป็น อังเคล กอร์เรอา แทงบอลทะลุช่องคิลเลอร์พาสเข้าไปที่กลางประตูคืนให้ อองตวน กรีซมันน์ วิ่งสอดหลุดไปซัดด้วยซ้ายเน้น ๆ ระยะไม่กี่หลา ส่งบอลพุ่งสวนตัว อัลบาโร่ เฟอร์นานเดซ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เสยเพดานเข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม
นาที 71
ทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูเพิ่ม เป็นจังหวะ โรดรีโก้ เด ปอล แทงบอลทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาอย่างสวยให้ ยานนิค แฟร์เรร่า การ์ราสโก้ วิ่งสอดหลุดไปแต่งบอลโล่ง ๆ ก่อนจะก้มหน้าบรรจงกดเลียดด้วยขวาเน้น ๆ แบบไร้ตัวประกบ ส่งบอลกระดอนพื้นผ่านหน้าปากประตู เฉียดเสาไกลซ้ายมือ พุ่งหลุดออกหลังไปเองอย่างน่าเสียดาย
นาที 79 GOAL!!!
ทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด มาได้ประตูปิดกล่องเป็น 5-0 !!! จากจังหวะ ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว เรนาน โลดี้ แทงบอลทะลุช่องขนาดเส้นจากแดนตัวเองให้ ชูเอา เฟลิกซ์ ได้หลุดเดี่ยวโล่ง ๆ ขึ้นมาทางกราบซ้าย เจ้าตัวกระชากเข้าไปในเขตโทษทันที ก่อนจะได้ล่อเป้า เอี้ยวตัวบรรจงซัดด้วยขวาเน้น ๆ เต็มข้อ ส่งบอลแรงเป็นจรวดผ่านมือ อัลบาโร่ เฟอร์นานเดซ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เสียบหน้าต่างเสาไกลขวามือ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย ไม่เหลือซาก
หมดเวลาการแข่งขัน เป็นทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด บุกสนามตัวเอง ไล่ถล่มเอาชนะเจ้าถิ่น ราโย มาฆาดาออนด้า ไปแบบเละตุ้มเป๊ะ 5-0 !!! ผ่านเข้าไปสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของฟุตบอล โกปา เดล เรย์ ได้สำเร็จ