แชมป์เก่า “บราซิล” ไล่ต้อน “ซาอุ” ไปด้วยสกอร์ 4-2

เกมการแข่งขัน ระหว่าง ทัพแซมบ้า ทีมชาติ บราซิล กับ ทัพเศรษฐีน้ำมัน ทีมชาติ ซาอุดีอาระเบีย ในศึกฟุตบอล โอลิมปิก 2020 รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่สาม นัดสุดท้ายของกลุ่ม ดี โดยเล่นกันที่สนาม ไซตามะ สเตเดี้ยม 2002 เมืองไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น (สนามกลาง) เมื่อค่ำคืนวันพุธที่ 28 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา

เกมนี้ ทีมชาติ บราซิล ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ อังเดร ชาร์ดิเน่ มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 นำทีมโดย ดานี่ อัลเวส แบ็คขวามากประสบการณ์ แอนโธนี่ ปีกตัวจี๊ด และ ริชาร์ลิซอน กองหน้าตัวความหวังของทีม

ขณะที่ทางฝั่งทีมชาติ ซาอุดีอาระเบีย ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ซาอัด อัล เชห์รี่ มาเล่นในระบบ 5-4-1 นำทีมโดย ซัลมาน อัล ฟารายจ์ กองกลางห้องเครื่อง ซาเล็ม อัล ดาวซารี่ เพลย์เมกเกอร์ตัวทำเกม และ อับดุลลาห์ อัล ฮัมดาน กองหน้าตัวความหวังของทีม 

นาที 10

ช่วงต้นเกม ทัพแซมบ้า ทีมชาติ บราซิล ครองบอลได้มากกว่าตามสไตล์ แต่ก็ยังเจาะแนวรับทีมชาติ ซาอุดีอาระเบีย ที่วันนี้อัดกองหลังมาถึง 5 คน ยังไม่เข้า ถือว่าตั้งใจมาอุดเต็มตัว

นาที 14 GOAL!!!

ทีมชาติ บราซิล มาได้ประตูขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 1-0 !!! เป็นจังหวะ ได้เตะมุมทางฝั่งซ้าย เคลาดินโญ่ เปิดบอลโด่ง พุ่งโค้งมาที่เสาแรกให้ มาเธอุส คุนญ่า ได้เทคตัวขึ้นโหม่งสะบัดคนเดียวเน้น ๆ อามิน อัล บูคารี่ ผู้รักษาประตูซาอุดีอาระเบีย ปัดโดนนิดนึง แต่ด้วยความแรง บอลปลิ้นเข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม

ไฮไลท์ฟุตบอล

นาที 18

ทีมชาติ ซาอุดีอาระเบีย ได้ฟรีคิกระยะอันตราย บริเวณหน้าหัวกระโหลกตรงกลางพอดี ซาเล็ม อัล ดาวซารี่ รับอาสา ทำสมาธิอยู่นาน ก่อนจะซอยเท้าไปปั่นด้วยขวาเน้น ๆ พุ่งไปติดกำแพงกระดอนออกมา แบบไม่ได้ลุ้นอะไรเลย

นาที 20

ทัพแซมบ้า ทีมชาติ บราซิล น่าจะได้ประตูที่สองแบบสุด ๆ เป็นจังหวะที่ กีเยร์เม่ อาราน่า ดันเกมสูงขึ้นมา หลุดขึ้นมาทางกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะเปิดบอลไปที่หน้าประตูให้ แอนโธนี่ ได้โฉบมาทิ้งตัวโขกบอลเน้น ๆ แต่บอลดันพุ่งไปชนคานอย่างจังกระเด้งออกมา จังหวะต่อเนื่อง แถมสองบราซิล เก็บบอลได้ สัมผัสสุดท้ายเป็น บรูโน่ กิมาเรส ที่ได้วางเท้ากดด้วยขวาเต็มข้อนอกกรอบเขตโทษ บอลก็พุ่งเลียดกระดอนพื้น ถากเสาออกหลังไปนิดเดียว

นาที 27 GOAL!!!

ทำไปทำมา เป็นทีมชาติ ซาอุดีอาระเบีย มาได้ประตูตีเสมอเป็น 1-1 !!! เป็นจังหวะ ได้ฟรีคิกบริเวณกึ่งกลางสนามฝั่งขวา ซัลมาน อัล ฟารายจ์ บรรจงเปิดบอลไซด์โค้งด้วยซ้าย ลอยโด่งเข้าไปในกรอบเขตโทษ ลึกไปที่เสาไกล ดีเอโก้ การ์ลอส ขึ้นโหม่งไม่โดน บอลเลยไปเข้าหัว อับดูเลลาห์ อัล อัมรี่ ได้เทคตัวขึ้นโขกเน้น ๆ ย้อนศรผ่านมือ ซานโตส ผู้รักษาประตูบราซิล กระเด้งพื้นเข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม

นาที 37

ทีมชาติ บราซิล พยายามกลับเข้าสู่เกม ตั้งหน้าตั้งตาบุกเข้าใส่ซาอุดีอาระเบีย จังหวะนี้ กีเยร์เม่ อาราน่า ได้บอลที่หน้าเขตโทษ ก่อนจะแต่งหาเหลี่ยม แล้วตามด้วยส่องไกลด้วยซ้ายเน้น ๆ นอกกรอบ พุ่งแรงเป็นจรวดแถมติดส่าย แต่ก็ยังทำได้แค่เฉียดเสาออกไปนิดเดียว แบบได้หวาดเสียวสุด ๆ 

ไฮไลท์ฟุตบอล

นาที 40

ทีมชาติ บราซิล บุกขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ ดานี่ อัลเวส ดันสูง เติมเกมขึ้นมารับบอลทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนจะตั้งป้อมบรรจงหยอดบอลเข้าไปที่กลางประตู แล้วเป็น เคลาดินโญ่ ได้วิ่งสอดมาโถมเข้าไปโหม่งเต็ม ๆ แต่ก็ยังบังคับทิศทางได้ไม่ดีพอ บอลหลุดกรอบออกไปไกล

นาที 41

ทีมชาติ บราซิล น่าจะได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ มาเธอุส คุนญ่า วิ่งสอดขึ้นไปรับบอล หลุดมาทางกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะลากไปถึงสุดเส้นหลัง แล้วเปิดเลียดไปหน้าประตูถวายพานให้ แอนโธนี่ ได้โฉบมาชาร์จจ่อ ๆ ระยะเผาขน ไปติดเซฟ อามิน อัล บูคารี่ ผู้รักษาประตูซาอุดีอาระเบีย ที่ทิ้งตัวขวางเอาไว้ได้ทัน บอลกระฉอกออกมาเข้าทาง แอนโธนี่ อีกครั้ง คราวนี้พยายามจะแหย่ขาซ้ำ แต่ก็โดนจับฟาล์วเสียก่อน

นาที 45+2

ท้ายครึ่งแรก ทีมชาติ บราซิล บุกขึ้นมาได้ลุ้นอีกหนึ่งระลอก เป็นจังหวะ กีเยร์เม่ อาราน่า ดันเกมรุกขึ้นมา เล่นชิ่ง1-2 กับ ริชาร์ลิซอน หลุดทะลุเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะซัดด้วยซ้ายเน้น ๆ พุ่งไปแฉลบบล็อกของแนวรับซาอุดีอาระเบีย ปลิ้นหลุดกรอบ ออกหลังไปนิดเดียว ได้เป็นลูกเตะมุมแทน

หมดเวลาครึ่งแรก เป็นทีมชาติ บราซิล ที่ได้ประตูขึ้นนำเร็ว แล้วหลังจากนั้นก็เป็นฝ่ายครองบอลบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ส่วนทางด้าน ซาอุดีอาระเบีย ถ้าไม่รับลูกที่เสียไป ยังถือว่าทำได้ดี ตั้งรับและหาจังหวะสวนกลับขึ้นมาหลายครั้ง จนสุดท้ายตามตีเสมอได้สำเร็จ สกอร์ตอนนี้ 1-1 !!!

นาที 46

เปิดฉากครึ่งหลังมา เป็นทางฝั่งของ อันเดร ชาร์ดิเน่ กุนซือบราซิล ที่จัดการแก้เกมก่อนอย่างรวดเร็ว โดยเปลี่ยนตัวเอา แอนโธนี่ ปีกตัวจี๊ดจากอาแจ๊ก อัมสเตอร์ดัม ออกไปพัก แล้วส่งเอา มัลค่อม กองหน้าจอมพลิ้วอีกคน ลงสนามมาปั่นป่วนแนวรับคู่แข่งแทน

นาที 66

ทีมชาติ บราซิล พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ ต่อบอลทำชิ่งกันขึ้นมาสวย มาเธอุส เอ็นริเก้ ได้บอลหลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะกดด้วยซ้ายเน้น ๆ พุ่งไปถูก อามิน อัล บูคารี่ ผู้รักษาประตูซาอุดีอาระเบีย ปัดออกมาเข้าทาง มาเธอุส คุนญ่า ได้วิ่งมาแปโล่ง ๆ ไม่จับ แต่บอลก็พุ่งไปชนเสาขวามืออย่างจัง กระเด้งออกมาอย่างน่าเสียดายสุด ๆ

ไฮไลท์ฟุตบอล

นาที 69

ทีมชาติ ซาอุดีอาระเบีย ได้ฟรีคิกระยะได้ลุ้น หน้ากรอบเขตโทษตรงกลาง ระยะประมาณ 30 หลา แล้วเป็น อับดุลราห์มาน การีฟ วิ่งมาตะบันด้วยขวาเน้น ๆ เต็มข้อ บอลพุ่งแรงเป็นจรวดข้ามกำแพง ทำท่าจะมุดลงเสียบใต้คานอยู่แล้ว แต่ ซานโตส ผู้รักษาประตูบราซิล พุ่งไปปัดข้ามคาน เอาชัวร์ไว้ก่อน เสียเป็นลูกเตะมุมแทน

นาที 72

ทีมชาติ บราซิล บุกอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ ริชาร์ลิซอน ได้บอลที่หน้ากรอบเขตโทษตรงกลาง ก่อนจะแต่งซัดช่อง แล้วซัดด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลพุ่งแรงเป็นจรวดและตรงกรอบ แต่ก็ดันไปตรงตัวของ อามิน อัล บูคารี่ ผู้รักษาประตูซาอุดีอาระเบีย รับไว้ได้สบาย

นาที 76 GOAL!!!

ทีมชาติ บราซิล มาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 !!! เป็นจังหวะ ได้ฟรีคิกทางกราบซ้าย ดานี่ อัลเวส เปิดบอลโด่งมาที่เสาแรก กองหลังซาอุดีอาระเบีย โหม่งเคลียร์บอลไม่ขาด บอลลอยออกมาที่หัวกระโหลกเข้าทาง บรูโน่ กิมาเรส ได้โหม่งหนุน ยัดกลับเข้าไปที่เสาแรกซ้ายมือตั้งให้ ริชาร์ลิซอน ได้โขกจ่อ ๆ คนเดียว ระยะเผาขน เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างง่ายดาย

นาที 82

ทีมชาติ บราซิล ยังไม่ผ่อนเกม จังหวะนี้ มัลค่อม ลากบอลจี้ขึ้นมา ก่อนจะแทงบอลทะลุช่องให้ ริชาร์ลิซอน ได้หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา แล้วยิงตามน้ำด้วยขวาเน้น ๆ พุ่งเลียดกระดอนพื้นไปที่เสาแรก แต่ก็บอลก็ยังไปตรงตัวของ อามิน อัล บูคารี่ ผู้รักษาประตูซาอุดีอาระเบีย ที่ยืนคุมเสาอยู่แล้ว รับไว้ได้ทัน 

นาที 90

ช่วงท้ายเกม ทีมชาติ บราซิล เกือบได้ประตูเพิ่ม เป็นจังหวะ มัลค่อม ได้บอลหลุดขึ้นมาถึงสุดเส้นหลังฝั่งขวา ก่อนตบเลียดเข้ากลางถวายพานให้ ริชาร์ลิซอน ได้วิ่งสอดมาจิ้มบอลนิ่ม ๆ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างง่ายดาย  แต่ทว่าสุดท้ายเฮเก้อ เพราะไลน์แมนยกธงว่าเป็นลูกล้ำหน้า

ไฮไลท์ฟุตบอล

นาที 90+3 GOAL!!!

ทีมชาติ บราซิล มาได้ประตูตอกย้ำชัยชนะเป็น 3-1 !!! เป็นจังหวะ มัลค่อม เลี้ยงจี้ขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ ไหลบอลตามช่องให้ เรเนียร์ ได้หลุดไปถึงสุดเส้นหลังในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะปาดเลียดเลยไปที่เสาสองถวายพานให้ ริชาร์ลิซอน ได้ชาร์จจ่อ ๆ โล่ง ๆ คนเดียว เข้าประตูไป ตุงตาข่าย ไม่เหลือซาก 

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นทีมชาติ บราซิล ที่ไล่ต้อนเอาชนะทีมชาติ ซาอุดีอาระเบีย ไปได้ด้วยสกอร์ 3-1 !!! คว้าแชมป์กลุ่มไปครอง ผ่านเข้าไปสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ โดยจะพบกับทีมชาติ อียิปต์ ในวันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม 2564 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้าน ซาอุดีอาระเบีย รั้งอันดับบ๊วย โดยไม่ชนะใครเลย เก็บได้ศูนย์คะแนน ตกรอบไปโดยปริยาย