คริสติอาโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ขอบคุณเพื่อนร่วมทีมที่ช่วยทำให้ตนซัดเบิ้ลในเกมที่้ โปรตุเกส เอาชนะ ฮังการี่ 3-0 ศึกยูโร 2020 พร้อมกับทำสถิติส่วนตัวหลายอย่าง
เกมกลุ่ม F “ฝอยทอง” ต้องรอถึงนาที 84 ก่อนจะได้ ราฟาเอล เกร์เรโร่ ยิงแฉลบตุงตาข่ายขึ้นนำเจ้าถิ่นอย่างฮังการี่
แล้วนาที 87 พวกเขาจะมาจุดโทษและเป็น โรนัลโด้ ที่ยิงเข้าไปอย่างเด็ดขาด ก่อนที่ช่วงทดเจ็บเขาจะบวกประตูที่สองของตนเอง ช่วยทีมชนะขาดและเก็บสามแต้มแรกได้สำเร็จ
สองประตูนี้ทำให้เขายิงรวมในศึกยูโรรอบสุดท้ายเป็น 11 ลูก และกลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลทันที โดยก่อนหน้านี้มีสถิติร่วมกันกับ มิเชล พลาตินี่ ตำนานทีมชาติฝรั่งเศสที่ซัด 9 ลูก
หลังเกมสตาร์วัย 36 ปี กล่าวว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือชัยชนะของเรา มันเป็นเกมที่ยากในการเจอกับทีมที่เล่นเกมรับได้เหนียวแน่น แต่เรายิงได้สามลูกและผมก็ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทีมที่ช่วยให้ผมยิงได้ 2 ประตูและเป็นสตาร์ออฟเดอะแมตช์”
“มันสำคัญมากที่เราออกสตาร์ททัวร์นาเมนท์ได้ดีและทำให้มีความมั่นใจ เราต้องทำให้ได้แบบนี้ต่อไปในเกมหน้า”
นอกจากนี้ โรนัลโด้ ยังบวกสถิติส่วนตัวหลายอย่างดังนี้
• โรนัลโด้ เป็นผู้เล่นคนแรกที่ลงเล่นในรอบสุดท้ายศึกยูโร 5 ครั้ง (2004, 2008, 2012, 2016, 2020) แซงหน้า โลธาร์ มัตเธอุส ตำนานชาวเยอรมนีที่เล่นไป 4 ครั้ง
• โรนัลโด้ เป็นผู้เล่นคนเดียวที่ยิงในรอบสุดท้ายศึกยูโร 5 ครั้ง (2004, 2008, 2012, 2016, 2020) ส่วนที่ตามมาคือยิงได้คนละ 3 ครั้ง คือ เยอร์เก้น คลินส์มันน์(เยอรมนี), วลาดิเมียร์ สมิเซอร์(เช็ก), นูโน่ โกเมส(โปรตุเกส), เธียร์รี่ อองรี(ฝรั่งเศส), เอลเดอร์ โปสติก้า(โปรตุเกส), ซลาตัน อิบราฮิโมวิช(สวีเดน), เวย์น รูนีย์(อังกฤษ)
• โรนัลโด้ ลงเล่นในรอบสุดท้ายศึกยูโร 22 นัด มากที่สุดตลอดกาล โดยคนที่ตามมาห่างคือ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ที่เล่นให้เยอรมนีไป 18 นัด