2538 อัลเทอร์ มาจีบ (ยรรยง คุรุอังกูร / Thailand / 2015) ด้วยเรื่องราวที่ชวนให้หวนหาอดีตเมื่อ 20 ปีที่แล้วก็น่าจะสามารถดึงคนดูในวัยผู้ใหญ่วัยทำงานวัยพ่อวัยแม่และแฟนเพลงอัลเทอร์เนทีฟพร้อมใจกันตีตั๋วเข้าโรงมาระลึกความทรงจำก่อนเก่าได้ไม่น้อย และเรื่องราวความรักตลกโรแมนติกระหว่างตัวละครพระเอกนางเอกวัยมัธยมก็น่าจะดึงดูดให้หนุ่มสาวกระโปรงบานขาสั้นชักชวนกันมาดูได้มาก แต่เมื่อการตลาดไม่ได้ฉกาจรอบด้านทำให้การที่จะได้เงินหรือยืนโรงนานแค่ไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวหนังและกระแสปากต่อปาก แต่น่าเสียดายที่หนังไม่ได้ทำให้ถึงขั้นประทับใจโดยเฉพาะการตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการยัดความหวังหอมหวานตรงๆ โต้งๆ ในตอนจบ แทนที่มันจะกลายเป็นความทรงจำเศร้าหม่นปนสุขให้ตลอดรอดฝั่ง ทั้งที่ก่อนหน้านั้นบางอย่างในหนังมันมีเสน่ห์และของดีทีเด็ดมหาศาลเมื่อเทียบกับหนังไทยกระแสหลักในช่วงเวลาเดียวกันนี้หรือแม้กระทั่งในรอบหลายปีที่ผ่านมา ทีเด็ดอย่างแรกคือพล็อตเรื่อง ‘เด็กหนุ่มที่ย้อนอดีตไปเจอกับเด็กสาวมัธยมที่เคยหลงรักพ่อของเขาเองในอดีต ’ สำหรับเรามันน่าสนใจมากๆ ในความเป็นหนังรักโรแมนติกและลูกเล่นของความขัดแย้งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ และพระเอกของหนังที่ดีเด่นกว่าการแสดงของพระเอกหลายเท่าก็คือ Dilemma สถานการณ์กระอักกระอ่วนในช่วงจุดเปลี่ยนท้ายเรื่องที่ทำให้หนังที่แรกๆ ไหลไปเรื่อยให้มีดีและน่าติดตามขึ้นมาได้ในระดับที่เปรียบได้ว่าเป็นฟ้ากับเหว และตรึงเราไว้กับหนังได้ตั้งแต่ตอนนั้น ถึงระหว่างทางมันจะยังไม่ทิ้งความปวกเปียกของตรรกะและปรากฏความเฉิ่มเชยอยู่ประปราย จนถึงขั้นมากมายเหลือเกิน เมื่อเทียบกับจุดดีที่ชอบมากๆ มันก็อดที่จะบ่นซ้ำไปซ้ำมาด้วยความเสียดายไม่ได้น่ะนะ
ในส่วนของการแสดง ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก สามารถประคองและเสริมเสน่ห์ตัวละคร ‘ส้ม’ ได้อย่างเหมาะเจาะกับคาแร็กเตอร์ ถึงแม้บางทีบทที่เขียนขึ้นมาจะเล่าลักษณะตัวละครได้น่ารำคาญและรอบคอบน้อยไปหน่อยกับการล้อมมุกเฉิ่มเชยและไม่เวิร์คในความสมเหตุสมผล จนทำให้ตัวละครมันดูไม่น่าเชื่อและดูงี่เง่าตามไปด้วย ก่อนจะถึงคิวระเบิดเสนห์ในฉากโรแมนติกดราม่าที่อบอวลด้วยบรรยากาศสิ้นหวังกับฉากประกวดร้องเพลงช่วงท้ายๆ หลังจากที่เกิด Dilemma ท้องก่อนแต่งที่คนดูและตัวละครทุกตัวรู้เรื่องกันหมดนอกจากส้มที่ไม่รู้เรื่อง ซ้ำแล้วยังมีความสุขในความหวังเต็มเปี่ยมทำให้ตั้งแต่วินาทีนั้นมาพลังความหวังในความรักของส้มมันกระทบกระแทกให้ทุกรอยยิ้มทุกความดีใจของส้มกลายเป็นความเศร้าสำหรับเราในทุกเสี้ยววินาที ขณะที่ เนตั้น แดนอรุณ พระเอกของเรื่องที่การแสดงยังปวกเปียก แต่เสน่ห์ส่วนตัวก็สามารถกลมกลืนกับตัวละคร ‘ก้อง’ ได้ดีอยู่ เสียดายตรงที่ความสามารถในเรื่องดนตรีของเนตั้นเองหรือข้อดีของตัวละครที่มาจากอนาคตไม่ได้ถูกเอามาใช้เป็นมุกให้เกิดเสน่ห์มากขึ้นเท่าไหร่ มีแต่มุกที่ตั้งใจยัดเกินไปจนไม่เกิดมิติและกลายเป็นแค่มุกๆ หนึ่งที่อยากเล่นอยากล้อโดยที่ไม่รอบคอบกับความสมเหตุสมผลของการรับรู้ของตัวละคร และไม่ได้เกิดประโยชน์กับสถานการณ์ ถึงหนังจะมี Dilemma โหสสัสที่เราอินกับมันมาก แต่หนังก็มีจุดอ่อนที่มากๆ คือความขัดแย้งแตกหักในความสัมพันธ์ในครอบครัวของพระเอก โดยเฉพาะพ่อกับแม่ที่พอปูมาหน่อยเดียวแล้วโพล่งปัญหาด้วยเหตุผลหึงคนตายง่ายๆ มันก็เลยทำให้ในส่วนของภารกิจเปลี่ยนอดีตเพื่อครอบครัวที่ดีขึ้นของพระเอกมันอ่อนด้วยลงไปด้วยในตอนท้าย อีกทั้งเมื่อมองดีๆ แล้วตรรกะของวนลูปเวลามันยังขัดแย้งกันอยู่จนเป็นแผลเหวอะสุดๆ ที่รู้สึกได้ชัดๆ นอกไปจากการแสดงของ แหม่ม วิชุดา กับ อิงค์ อชิตะ รวมถึง เนตั้น และการกำกับที่ทำให้คนทั้ง 3 คนในครอบครัวนี้ดูไม่เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะฉากสรุปการลงเอยของความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ดูยังไงก็ขัดๆ ทั้งขาดและเกิน กลายเป็นฉากที่เราไม่ได้รอดูและแทบจะไม่สลักสำคัญอะไรเลยเพราะเราหลงรักตัวละคร ‘ส้ม’ ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ฉากสุดท้ายหนังก็มาพรากส้มไปจากความทรงจำพอดีพองามของเราไปอย่างไม่น่าให้อภัย