เกมการแข่งขันระหว่างเจ้าถิ่นทีมจิ้งจอกสีน้ำเงิน เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดสนาม คิงเพาเวอร์ สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล เกมนี้ เปิดเกมแลกกันอย่างสนุก ประตูมาเกิดขึ้นในครึ่งเวลาหลังทั้งหมด เป็นทีมเยือน ลิเวอร์พูล ที่ออกนำไปก่อน แต่มาโดนเจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ รัวสามลูกรวดใน 8 นาที แซงชนะไป 3-1 !!!
เกมนี้เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ เล่นในระบบ 4-1-4-1 นำทีมโดย เจมี่ วาร์ดี้ ศูนย์หน้าตัวเก่ง และ เจมส์ แมดดิสัน คอยสนับสนุนอยู่ข้างหลัง ขณะที่ทางทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดยสามประสานในแนวรุก โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่
นาที 1
เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ได้ลุ้นขึ้นนำก่อน จากจังหวะตัดบอลได้ที่กลางสนามของ เจมส์ แมดดิสัน เจ้าตัวเห็น อลิสซง เบ็คเกอร์ ออกมาจากหน้าประตูเยอะพอสมควร เลยลองยิงไกลเกือบครึ่งสนาม ดีที่บอลไม่แรงพอ อลิสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือนรับไว้ได้ทัน
นาที 9
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้ลุ้นประตูเหมือนกัน ตัดภาพมาแปปเดียว แนวรับทีมเยือนสาดโด่งไปที่หน้าประตู โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สปีดหลุดไปในกรอบเขตโทษ พักอกเอาบอลลงสวย แต่ล้มตัวยิงออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ
นาที 10
เจ้าถิ่น บุกขึ้นมาทางริมเส้นทางซ้าย ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ดึงจังหวะหลอกผู้เล่นทีมเยือน ก่อนจะโยนบอลโด่งเข้าไปในเขตโทษด้านซ้าย เป็น เจมี่ วาร์ดี้ สปีดขึ้นไปถึงบอลที่เสาแรก แล้วกระดกบอลข้ามหัว อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ทันที แต่บอลเลยไปตกหลังคานออกไปอย่างได้เสียว
นาที 19
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ตัดบอลได้แล้วโต้กลับเร็วทันที เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ กระชากพาบอลขึ้นมาเอง ก่อนจะแทงบอลให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดเข้าไปดวลกับผู้รักษาประตู ในกรอบเขตโทษฝั่งขวา แล้วยิงดีดด้วยขวาทันที แต่ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น วิ่งออกมาปิดมุมไว แหยะมือบล็อกบอลไว้ได้หวุดหวิด ซาดิโอ มาเน่ วิ่งมาซ้ำก็ช้าเกินไปอีก
นาที 25
ทีมเยือน ต่อบอลขึ้นมาสวย จนเกือบได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ได้บอลหน้ากรอบเขตโทษตรงกลาง ดีดไซด์ก้อยเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่เติมขึ้นมา หลุดไปถึงสุดเส้นด้านซ้าย
ก่อนที่เจ้าตัวจะครอสบอลย้อยๆมาที่กลางประตู ซาดิโอ มาเน่ โฉบมาโหม่งเปลี่ยนทางไปที่เสาสอง และเป็น โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ได้ซ้ำจ่อๆระยะเผาขน แต่ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่นโชว์ซุปเปอร์เซฟ เอามือปัดบอลไว้ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ถ้าย้อนมาดูภาพช้าจะเห็นว่าล้ำหน้าตั้งแต่จังหวะแรกๆ
นาที 29
เจ้าถิ่น ได้เตะมุมทางฝั่งขวา เจมส์ แมดดิสัน เปิดบอลโค้งไปที่กลางประตู วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ ได้โขกเต็มๆที่เสาแรก แต่บอลเหินข้ามคานออกไป
นาที 35
เจ้าถิ่น ได้บุกขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ กระชากพาบอลขึ้นมาเอง สับขาหลอก เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ก่อนจะเปลี่ยนมาโยนด้วยขวา โค้งเข้าไปที่กลางประตู เจมี่ วาร์ดี้ สอดขึ้นไปโขกลงพื้นเต็มๆ แต่บอลดันไปตรงตัว อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน รับได้สบาย
นาที 38
ทีมเยือน ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ แทงบอลทะลุช่องให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่เติมขึ้นมา หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย เจ้าตัวยิงด้วยซ้ายไปยังเสาไกล แต่บอลผ่านหน้าปากประตู เฉียดเสาออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 41
เจ้าถิ่น เลสเตอร์ น่าจะได้ประตูขึ้นนำสุดๆ จากจังหวะ แดเนียล อมาร์ตีย์ โยนบอลจากแดนหลังไปที่หน้ากรอบเขตโทษ เจมส์ แมดดิสัน ดีดบอลด้วยข้างเท้าด้านนอกจังหวะเดียวให้ เจมี่ วาร์ดี้ สปีดหลุดไปดวลเดี่ยวกับผู้รักษาประตู ที่หน้าปากประตูด้านขวา เจ้าตัวซัดเต็มข้อด้วยขวาสวนตัว อลิสซง เบ็คเกอร์ แต่บอลไปชนคานจังๆ กระเด็นออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
หมดเวลาครึ่งแรก เป็นครึ่งเวลาที่สนุก บุกแลกกันอย่างไม่กลัว แต่ยังยิงประตูกันไม่ได้ เสมอกันอยู่ 0-0 !!!
นาที 50
ทีมเยือน บุกขึ้นมาทางขวา เคอร์ติส โจนส์ เลี้ยงตัดเข้ากลางก่อนจะจ่ายต่อมาให้ ซาดิโอ มาเน่ ตรงหัวกระโหลก เจ้าตัวป้ายออกมาด้านซ้ายให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เติมขึ้นมาลองซัดด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลเหินข้ามคานออกไปไกล
นาที 56
ทีมเยือน เกือบได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะ ได้ฟรีคิกระยะอันตรายหน้ากรอบเขตโทษ เยื้องๆมาทางขวา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ บรรจงปั่นด้วยขวา บอลแฉลบกำแพงแล้วมุดลง พุ่งไปชนสามเหลี่ยม ออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 61
ทีมเยือน ได้เตะมุมทางฝั่งซ้าย เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ปั่นโค้งไปที่ปากประตู โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ โฉบมาโหม่งที่เสาแรก บอลถากเสาออกไปอย่างได้ลุ้น
นาที 66 GOAL!!!
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 !!! จากจังหวะ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ กระชากขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนซัดเต็มขอด้วยขวาติดบล็อก บอลกระเด้งกลับมาที่เจ้าตัวอีกครั้ง ก่อนจะกระชากเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวา แล้วตบกลับมาที่กลางประตู โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ได้บอลบริเวณเสาแรก ก่อนจะโชว์เทคนิคคลึงบอลกลับหลังส่งไปให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ยืนรออยู่ได้ปั่นไซด์โป้งด้วยซ้ายจังหวะเดียว เสียบเสาไกลเข้าไปตุงตาข่าย
นาที 77 GOAL!!!
เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูตีเสมอเป็น 1-1 !!! จากจังหวะได้ลูกฟรีคิกบริเวณมุมกรอบเขตโทษด้านซ้าย เจมส์ แมดดิสัน เปิดกึ่งยิงกึ่งผ่านด้วยขวาไซด์โป้งเข้าหาประตู บอลทะลุผู้เล่นไปหมด ไปซุกตาข่ายที่เสาไกลเข้าไปแบบงงๆ
นาที 81 GOAL!!!
เจ้าถิ่น มาได้ประตูพลิกแซงขึ้นนำ 2-1 !!! จากจังหวะความผิดพลาดของแนวรับทีมเยือน ยูริ ตีเลอมันส์ โยนบอลโด่งไปที่หน้ากรอบเขตโทษของทีมเยือน อลิสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน วิ่งออกมาสกัดบอลนอกกรอบ กลายเป็นมาชนกับ โอซาน คาบัค กองหลังตัวใหม่ที่กำลังจะเคลียร์บอล บอลกระฉอกมาถึง เจมี่ วาร์ดี้ ได้เลี้ยงเข้าไปยิงโล่งๆ เข้าประตูไป
นาที 83
เจ้าถิ่น เกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะความยอดเยี่ยมของ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ เลี้ยงกระชากขึ้นมาทางซ้าย ก่อนจะเลี้ยงแหวกผู้เล่นทีมเยือนสามคน ทะลุเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะบรรจงยิงด้วยขวาไปเสาไกล บอลติดปลายมือผู้รักษาประตูทีมเยือน กระฉอกมาถึง เจมี่ วาร์ดี้ ได้ซัดจ่อๆที่เสาสอง แต่ อลิสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ก็ยังทะยานมาเซฟไว้ได้อีกหนึ่งจังหวะ
นาที 84 GOAL!!!
เจ้าถิ่น ได้ประตูหนีห่างจนได้ จากจังหวะ วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ ตัดบอลได้ตรงกลางสนาม ก่อนจะจ่ายบอลเร็ว แทงทะลุช่องให้ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ กระชากเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะแปเล่นทางไปที่เสาไกลเข้าไปอย่างง่ายดาย เจ้าถิ่น เลสเตอร์ นำ 3-1 !!!
หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ พลิกสถานการณ์กลับมาแซงชนะทีมเยือน ลิเวอร์พูล ไป 3-1 !!! เขยิบขึ้นมารั้งอันดับ 2 ของตาราง