EMERGENCY DECLARATION – ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ
— 6.2/10 —
บางฉากนี่ลุ้น ตื่นเต้น นั่งจิกเบาะเลย
แต่มันดันมีจังหวะให้ลุ้น ให้ตื่นเต้นน้อยไปหน่อยเนี่ยสิ
หนังครึ่งหลังเหมือนลืมความวายป่วงที่ควรจะเกิดบนเครื่องบินไปเลย
Emergency Declaration เป็นหนังกระแสดีมาก ๆ เรื่องนึง ได้รับเสียงชื่นชมจากทั้งในและนอกประเทศ ไปเข้าฉายที่เทศกาลหนังเมืองคานส์หลังหนังจบก็ได้รับการยืนปรบมือ Standing Ovation นานถึง 10 นาทีเต็ม แถมทุนสร้างยังสูงถึง 28,000 ล้านวอน มากกว่า Train to Busan ถึง 3 เท่าเลย นักแสดงก็ชั้นแนวหน้าทั้งนั้น เป็นหนังที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบที่น่าติดตามและน่าดูชมเป็นอย่างมาก
ตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวของชายผู้หนึ่งที่ขู่ว่าจะก่อการร้ายบนเครื่องบิน โดยมีเป้าหมายที่จะให้ทุกคนบนเครื่องบินเสียชีวิต และนั่นมันไม่ใช่คำขู่ เมื่อเขาได้ขึ้นเครื่องบินจากกรุงโซลสู่ฮาวาย และได้เริ่มสร้างความโกลาหลบนเครื่องบินเที่ยวนั้น กัปตันเครื่องจึงต้องประกาศเหตุฉุกเฉินขอลงจอด แต่สถานการณ์มันเลวร้ายเกินไป เมื่อสิ่งที่ชายคนนั้นทำอาจส่งผลร้ายแรงต่อทุกคนหากลงจอด เพราะฉะนั้นไม่มีประเทศไหนอนุญาตให้เครื่องบินลำนี้ลงจอดเลยแม้แต่ที่เดียว!
ไม่รู้ว่าสปอยล์มั้ยอยากพูดถึงเนื้อหาหลักของหนังนี้นิดนึง เพราะมีหลายคนน่าจะเข้าใจผิดอยู่เยอะ จากตัวอย่างและเรื่องย่อ หากใครกลัวสปอยล์ไม่อยากรู้อะไรเลยก็ข้ามย่อหน้านี้ไปได้เลยเด่วใส่กล่องสปอยล์เอาไว้คลิกเพื่อซ่อนหรือแสดงข้อความ
ต้องชื่นชมว่าช่วงครึ่งแรกของหนังทำได้ดีมาก น่าติดตาม ชวนสงสัย โดยต้องบอกว่าหนังแบ่งการดำเนินเรื่องออกเป็นสองส่วน ในส่วนพื้นดินและในเครื่องบิน ซึ่งช่วงแรกทำได้ดีทั้งสองส่วนเลย แต่…พอถึงจุดเปลี่ยนที่เกี่ยวข้องกับตัวคนร้าย เหมือนอะไร ๆ มันจะดร็อปลงอย่างน่าเสียดาย มีเพียงฉากหลังจากนั้นฉากนึงแล้วก็ฉากตอนจบเท่านั้นที่ชวนลุ้นและตื่นเต้นสุด ๆ เริ่มตั้งแต่เหตุการณ์หลายอย่างบนเครื่องมันเหมือนจะง่ายไป ผู้โดยสารควรจะต้องมีปัญหากัน วายป่วงกันมากกว่านี้ ต้องมีตัวละครเห็นแก่ตัวน่าหมั่นไส้ที่คอยให้คนเกลียดสร้างความวายป่วงให้กับคนบนเครื่องบิน จริง ๆ มันมีนะ แต่แบบไม่ได้สร้างความร้าวฉานขนาดนั้น ตัวหนังเริ่มหนักไปเน้นดราม่ามากขึ้น แต่เหมือนจะลืมความอันตรายจากสิ่งที่ตัวร้ายก่อ คือแรก ๆ มันก็ดูน่ากลัว อันตราย เลวร้ายมาก แต่ไป ๆ มา ๆ เหมือนลืมขยี้เรื่องนี้ไป ไม่มีสถานการณ์อันตรายบีบบังคับให้คนดูตื่นเต้น ระทึก เราแทบไม่ได้เห็นความอันตรายจากสิ่งนั้นอีกเลย ความสมเหตุสมผลของสิ่งที่คนร้ายทำมันก็ดูงง ๆ แถมยังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัดอีกต่างหาก เอาเข้าจริง ๆ สถานการณ์แต่ละอย่างที่เกิดขึ้นในเรื่องมันยังคลี่คลายง่ายดูราบรื่นไปจริง ๆ
ที่บอกว่าหนังพยายามดราม่า หนังพยายามยัดดราม่ามาทุกทิศทุกทาง มีเหตุมีผลบ้าง และยัดมาแบบปูมาเพื่อหาทางลงให้หนังบ้าง แต่ทางด้านดราม่าช่วงท้ายการตัดสินใจของบนเครื่องก็ได้สร้างความตื้นตันให้กับคนดูได้ถึงแม้มันจะดูโลกสวยไปเสียหน่อย แต่มันก็ดูสมเหตุสมผลและเป็นไปได้ มันบิ้วเรียกน้ำตาได้เป็นอย่างดี จนทำให้เราน้ำตาคลอเลย แต่…การกระทำต่อ ๆ มาหลังจากฉากนั้นมันกลายเป็นฉากก่อนหน้านี้ที่ซึ้ง ๆ กันมันให้ความรู้สึกแบบ “อ้าว” พึ่งน้ำตาคลอไปนะ เปลี่ยนอารมณ์เร็วจังอะ นับว่าน่าเสียดายจริง ๆ
แปลกแต่จริง ถึงแม้เรื่องราวมันจะตื่นเต้นน้อยลง ระทึกน้อยลง ดราม่ามากขึ้น แต่หนังมันก็ไม่ได้มีจังหวะน่าเบื่อสักเท่าไหร่ ทุกภาคส่วนมันก็ยังผลักดันหนังไปข้างหน้าด้วย pacing ที่กำลังดี
หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยนักแสดงชั้นนำมากมาย ทั้ง ซงคังโฮ, อีบยองฮอน, จอนโดยอน, คิมนัมกิล, อิมชีวาน, คิมโซจิน, พัคแฮจุน และซอลอินอา พวกเขารับหน้าที่ของตัวเองได้ดีกันทุกคน คาแรคเตอร์ที่เราชอบที่สุดคือบทตัวร้ายที่แสดงโดย อิมชีวาน ชอบคาแรคเตอร์มาก แสดงได้ดีมาก จริง ๆ ชอบการแสดงของเขาตั้งแต่ Stranger from Hells แล้ว แต่รู้สึกว่าแต่ละตัวละครบทไม่ได้เอื้อให้โชว์ของอะไรเท่าไหร่เลย รวมถึงตัวละครประกอบบนเครื่องต่าง ๆ ก็ไม่ได้ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวสักเท่าไหร่ เหมือนมีไว้ประดับให้ตัวละครมันเยอะ ๆ เท่านั้นอะ ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครพ่อลูกก็ดูไม่น่าเชื่อถือและไม่ชวนให้อินจนอยากเอาใจช่วยเลย ให้ความรู้สึกเหมือนตัวละครชาวบ้าน 3-4-5 ด้วยซ้ำ
สิ่งที่น่าชื่นชมที่สุดในเรื่องนี้ คงเป็นงานด้านภาพ โดยเฉพาะพวกฉากบนเครื่องบิน ไล่ไปตั้งแต่ในห้องนักบินที่เห็นท้องฟ้าข้างนอก หรือฉากนอกตัวเครื่องก็ทำได้ดีมาก มีอยู่ฉากนึงผมชอบมาก คือฉากตอนแบบเครื่องหมุน จังหวะนั้นมันลุ้นระทึกมาก มันดูชิบหายแบบชิบหายจริง ๆ อะ คือเราจะได้เห็นเครื่องหมุน คนกระเด็นกระจัดกระจาย คือทำได้ดีมากจริง ๆ
สรุปแล้ว Emergency Declaration ไม่ใช่หนังที่แย่ ไม่ได้น่าเบื่อ มันถือเป็นหนังที่น่าสนใจและน่าติดตาม สามารถดึงเราอยู่กับเรื่องได้ เพียงแต่ว่าเราอาจจะคาดหวังกับมันมากไปเสียหน่อย มันอาจจะไม่ใช่แนวทางที่เราอยากเห็นก็เท่านั้นแหละ เพราะเราอยากเห็นความวินาศสันตะโรบนเครื่องบินจากสิ่งที่ผู้ก่อการร้ายทำ ความหวาดกลัวต่อสิ่งนั้น การพยายามเอาตัวรอดจากสิ่งนั้น อยากเห็นผู้คนตีกัน ทะเลาะกัน เอารัดเอาเปรียบ ในหนังแบบเอาชีวิตรอดควรจะมี แต่หนังมันกลับให้สิ่งนั้นกับเราได้ไม่มากเท่าที่ควร