เซร์คิโอ บุสเกตส์ ประกาศรีไทร์จากการรับใช้ทีมชาติ สเปน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังผ่านการเล่นไป 143 เกมรวมถึงคว้าแชมป์โลกและยูโรกับทีม
กองกลางวัย 34 ปีเป็นนักเตะรายเดียวจากชุดแชมป์โลก 2010 ที่ยังคงเล่นให้ทีมชาติ และเคยพูดถึงความตั้งใจที่เป็นชาวสเปนรายแรกที่คว้าแชมป์โลก 2 หน
อย่างไรก็ตาม “กระทิงดุ” ต้องอกหักกับฟุตบอลโลกที่กาตาร์ หลังโดน โมร็อกโก เขี่ยตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายและนั่นยังเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้ายของ บุนเกตส์ ด้วย
เขาประกาศการรีไทร์จากทีมชาติผ่านทางอินสตาแกรม โดยขอบคุณผู้จัดการทีม, สตาฟฟ์และนักเตะที่เคยร่วมงานกันมา รวมถึงกำลังใจจากแฟนบอลตลอดช่วงเวลาหลายปี
“ผมขอประกาศว่าเวลาของการบอกลาจากทีมชาติได้มาถึงแล้ว, หลังผ่านมาเกือบ 15 ปีและ 134 เกม” บุสเกตส์ โพสต์บนอินสตาแกรม
“ผมอยากขอบคุณทุกคนที่เคียงข้างผมตลอดเส้นทางดังกล่าว ตั้งแต่ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ ที่ให้โอกาสผมได้เริ่มต้น, จนถึง หลุยส์ เอนริเก้ ที่ทำให้ผมได้เอ็นจอยกับวินาทีสุดท้าย ผมอยากขอขอบคุณ ฆูเลน โลเปเตกี, แฟร์นานโด เอียร์โร่ และ โรเบิร์ต โมเรโน่ สำหรับความเชื่อมั่นของพวกเขา, รวมถึงสตาฟฟ์ของพวกเขาทุกคน”
“และแน่นอน, ขอบคุณเพื่อนร่วมทีมของผมทุกคน, ที่เราสู้ร่วมกันเพื่อพาทีมไปถึงจุดที่คู่ควร, ด้วยความสำเร็จทั้งมากและน้อยแต่ก็ทุ่มเทสิ่งอยู่เสมอและด้วยความภาคภูมิใจอันเต็มเปี่ยม”
“ผมไม่อยากลืมเหล่าสตาฟฟ์, ที่อยู่เบื้องหลัง, ที่มีความสำคัญเท่าๆกันมาตลอดทั้งเส้นทาง (นักกายภาพ, แพทย์, คนดูแลชุดแข่ง, นักโภชนาการ, สตาฟฟ์, สื่อ, การ์ดรักษาความปลอดภัย, สตาฟฟ์เดินทาง, อื่นๆ) รวมถึงทุกคนและพนักงานที่ผมเคยผ่านพบมาและทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่พิเศษมาก”
“แล้วยังรวมถึงประธาน, ผู้จัดการทีม, ผู้อำนวยการกีฬาและคนที่เป็นส่วนหนึ่งของสหพันธ์ฟุตบอลไม่ว่าทางใดทางนึง”
“ขอบคนฟอลโลเวอร์ทุกคน, ที่คอยเป็นกำลังใจให้ทุกวันและโดยเฉพาะในตอนที่หลายๆสิ่งไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง นั่นคือตอนที่คุณต้องการสิ่งนั้นมากที่สุดและต้องเป็นหนึ่งเดียวกันที่สุด ถึงทุกคน, ขอบคุณครับ”
“และแน่นอน, สิ่งสำคัญที่สุด, ขอบคุณครอบครัวของผมที่เป็นกำลังใจให้ตลอดเวลาและในทุกการตัดสินใจของผม และก้าวเดินในเส้นทางนี้ด้วยกันแม้หลายวันจะอยู่ห่างไกลกันแต่ทำให้ผมรู้สึกใกล้ชิดจนผมทุ่มเทอย่างเต็มที่ได้”
“เป็นเกียรติที่ได้เป็นตัวแทนของประเทศและก้าวไปถึงจุดสูงสุด, ได้เป็นแชมป์โลกและแชมป์ยุโรป, เป็นกัปตันและผ่านการลงสนามไปหลายต่อหลายนัด, ด้วยความสำเร็จมากมายแต่ก็ยังทุ่มเททุกสิ่งและทำในส่วนของผม เพื่อที่ทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และทำให้ทุกคนรู้สึกว่าพวกเขาสำคัญขนาดไหน, ช่วยทุกคนและสู้เพื่อเป้าหมายเดียวกัน ด้วยประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร, ไม่มีทางลืมและอยู่บนหน้าประวัติศาสตร์”
“ผมยังขนลุกทุกครั้งที่นึกถึง ผมจะคิดถึงสิ่งนี้เป็นอย่างมาก (ได้เห็นรายชื่อ, ขึ้นเครื่องบิน, ทักทายเพื่อนร่วมทีม, เอ็นจอยกับการซ้อม, เล่นโปชาทั้งวัน, ลงสนาม, แต่เราต้องตะโกนปลุกใจร่วมกันก่อน, ฟังเสียงเพลงชาติ, กอดและรู้สึกถึงความรักจากทั้งประเทศ)”
“ท้ายที่สุด, ผมทำได้เพียงแค่ขออวยพรให้เพื่อนร่วมทีมและ หลุยส์ เด ลา ฟูเอนเต้ โค้ชใหม่โชคดี ตอนนี้ผมจะเป็นแฟนบอลอีกราย ผมจะสนุกไปกับการเป็นกำลังใจให้ทีมอย่างไม่มีข้อแม้”
บุสเกตส์ ประเดิมสนามกับทีมชาติชุดใหญ่ในปี 2009 ก่อนกลายเป็นส่วนสำคัญของชุดที่คว้าแชมป์โลก 2010 และแชมป์ยูโร 2012 ภายใต้การคุมทีมของ บิเซนเต้ เดล บอสเก้
เขายังผ่านการลงสนามให้กับทีมในยุคของ ฆูเลน โลเปเตกี และ หลุยส์ เอนริเก้, รวมถึงโค้ชขัดตาทัพอย่าง แฟร์นานโด เอียร์โร่ และ โรเบิร์ต โมเรโน่
แข้งของ บาร์เซโลน่า ผ่านการรับใช้ชาติไป 143 เกมและยิงได้ 2 ประตู นอกจากนี้ยังผ่านการเล่นฟุตบอลโลกมา 4 หนและยูโรอีก 3 หน