The Mitchells vs the Machines (2021) บ้านมิตเชลล์ปะทะจักรกล

Untitled08980

มีชาวเพจท่านหนึ่งแนะนำให้ดูเรื่องนี้ ซึ่งผมก็ต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้เลยครับที่แนะนำ เพราะหนังสนุกมาก ถูกใจผมอย่างยิ่งจริงๆ จนอยากแนะนำให้ทุกท่านได้ลองชมกันสักครั้งครา

The Mitchells vs the Machines ว่าด้วยครอบครัวมิตเชลล์ที่กำลังอยู่ในทริปขับรถไปส่งลูกสาวคนโตเข้าเรียนมหาลัย แต่แล้วก็เกิดเหตุโลกแตกขึ้นเมื่อมีเหล่าหุ่นยนต์ก่อการจับกุมมวลมนุษย์ไปขังไว้แล้วหมายจะครองโลกทั้งใบ และไปๆ มาๆ ครอบครัวมิตเชลล์สุดป่วนก็กลายเป็นความหวังของมนุษยชาติในการกอบกู้โลกคืนกลับมา

เป็นแอนิเมชั่นที่กลมกล่อมมากๆ ครับ ยกนิ้วโป้งให้ 2 ข้างเลย ในแง่ความสนุกความบันเทิงถือว่าเยอะ มีความตื่นเต้นชวนลุ้น การผจญภัยชวนติดตาม และแน่นอนว่าอุดมด้วยอารมณ์ขันมุกฮา เรียกว่าครบเครื่องสำหรับหนังครอบครัวที่ดูได้สนุกตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่

แต่ที่ถือว่ามากเกินคาดคือความน่ารักอบอุ่นกินใจครับ หนังสอดแทรกเรื่องครอบครัวลงไปได้อย่างพอเหมาะ ซึ่งครอบครัวมิตเชลล์นี้ก็ไม่ได้เป็นครอบครัวที่เลอเลิศอะไรครับ พวกเขาคือคนธรรมดาที่รักเป็นโกรธเป็น บางครั้งก็มีการกระทบกระทั่งไม่เข้าใจกันในครอบครัวโดยเฉพาะเคที่ลูกสาวคนโต กับริคคุณพ่อจอมยุ่งที่มักจะมีเรื่องให้ทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ แล้วก็ถือว่าตามสูตรอยู่ครับที่การผจญภัยครั้งนี้จะทำให้สายสัมพันธ์ของพวกเขากลับมาดีกันอีกครั้ง

อาจเพราะตอนนี้ผมมีครอบครัวแล้วเลยรู้สึกชอบในประเด็นครอบครัวเป็นพิเศษ ดูแล้วทั้งขำทั้งได้แง่คิดครับ ในแง่ความขำนั้นหนังก็สามารถจับเอาเรื่องน่าขันของครอบครัวเดียวกันมาบอกเล่าได้อย่างสนุกสนาน เชื่อว่าคนมีครอบครัวต้องขำกันอย่างแน่นอน (อย่างการการต่อปากต่อคำแบบรู้ทันกันเป็นต้น) ส่วนแง่คิดก็ถือว่าสวยงามครับ หนังทำให้เราตระหนักว่าทุกวาระขัดแย้งระหว่างคนในครอบครัวถือเป็นโอกาสอย่างหนึ่งซึ่งก็แล้วแต่เราจะเลือกว่ามันจะเป็นโอกาสแบบไหน – จะให้เป็นโอกาสเพื่อสร้างความเข้าอกเข้าใจเปิดใจต่อกันก็ได้ หรือจะให้เป็นโอกาสแห่งการสร้างรอยแผล โอกาสแห่งความรวดร้าวระหว่างกัน

ยอมรับว่าดูแล้วอินครับ อินในหลายวาระ อันนี้ผมยกนิ้วให้เลยนะ ยอมรับเลยว่าหนังใส่ใจรายละเอียดมาก มุกระหว่างทางแต่ละมุกนี่เป็นการหยิบประเด็นเกี่ยวกับครอบครัวใส่ลงมาได้อย่างลงตัว คือดูแล้วครอบครัวมิตเชลล์นี่มีชีวิตขึ้นมาจริงๆ ในความรู้สึกของเรา – ไม่ใช่แค่ลายเส้นที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความบันเทิงเพียงอย่างเดียว – ก็อย่างที่บอกน่ะครับ คนมีครอบครัวน่าจะโดนกับสารพัดมุกระหว่างทางที่ครอบครัวมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน

Untitled08979

บางฉากก็ทำเอาซึ้งแบบจุกๆ ครับ – สำหรับผมนี่ฉากที่โดนใจแรงๆ เลยคือฉากย้อนอดีตให้คนดูเห็นว่าก่อนที่ครอบครัวมิตเชลล์จะมาอยู่ในบ้านหลังปัจจุบันนั้น พวกเขาเคยอยู่ที่อื่นมาก่อน (อันเป็นที่อยู่ตามความใฝ่ฝันของริค) แต่แล้วพอถึงจุดหนึ่งพวกเขาก็ต้องตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่ในเมือง ซีนนั้นลินดาพูดกับริคว่า “ตัดสินใจยากหน่อยนะคะ” เพราะเธอรู้ว่าจริงๆ แล้วสามีอยากอยู่ที่นี่ แต่แล้วริคก็ตอบพลางมองไปที่ลูกสาวตัวน้อย “ไม่หรอก ไม่ยากเลย”

เจอซีนแบบนี้เข้า คนเป็นพ่อแบบผมก็น้ำตาไหลสิครับ – คือมันเข้าใจริคน่ะครับ เพราะผมเองก็มีประสบการณ์ทำนองนี้เหมือนกัน และมันเป็นอะไรที่จริงมากๆ ที่บางการตัดสินใจนั้น หากเป็นช่วงเวลาทั่วๆ ไปก็อาจตัดสินใจยากสักหน่อย แต่หากการตัดสินใจนั้นเกี่ยวกับอนาคตของคนที่เรารัก มันจะไม่ยากเลยครับ เรารู้เลยด้วยใจว่าอะไรที่เราควรเลือกเพื่อพวกเขา

ผมมองว่ามันคือการเติบโตขึ้นอีกขั้นของเราครับ การตัดสินใจเพื่อตัวเองก็ขั้นหนึ่ง ส่วนการตัดสินใจให้คนที่เรารักได้รับสิ่งที่ดีๆ โดยคิดถึงความต้องการของตนเป็นเรื่องรอง นี่ก็อีกขั้น

โดนครับ เป็นแอนิเมชั่นที่โดนมาก ดูสนุกเพลิดเพลินครบรสทั้งความฮาความลุ้น และที่โดนใจเกินคาดคือเรื่องราวกินใจในครอบครัวมิตเชลล์ ไหนจะยังมีความเป็นหนัง Coming of age ผสมลงไปอีก โอย ครบครับ ครบจริงๆ แม้หนังจะยาวเกือบ 2 ชั่วโมงก็ตาม แต่ไม่น่าเบื่อเลย สนุกตลอดตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ

สิ่งที่น่าเสียดายมากๆ สำหรับผมคือหนังไม่ได้ฉายโรงครับ เผอิญตอนนั้นมีโควิดหนังเลยได้ลง Netflix แทน นี่ถ้าได้ฉายโรงนี่ผมว่าร้อยล้านไม่น่ายากนะ เพราะของเขาดีจริงๆ

เกร็ดเล็กๆ ของหนังเรื่องนี้ก็คือกู่เทียนเล่อร่วมอำนวยการสร้างกับเขาด้วยครับ และหนังได้รับการบันทึกว่าเป็นผลงานเรื่องแรกของ Sony Pictures Animation ที่มีตัวละคร LGBT ครับ

สามดาวสิครับ

Star31

(8/10)

SHARE THIS: