CUBE (กล่องเกมมรณะ) [2021]
CUBE (กล่องเกมมรณะ) ภาพยนตร์ญีปุ่นแนว Survival Thriller Sci-fi Mystery ที่ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ชื่อเรื่องเดียวกันของประเทศแคนาดาที่ออกฉายไปเมื่อปี 1997 (คลิกอ่านรีวิวหนังเวอร์ชั่นต้นฉบับ)
เขียนบทโดย Koji Tokuo
กำกับโดย Yasuhiko Shimizu
นำแสดงโดย
Masaki Suda (จากซีรีส์เรื่อง Kamen Rider W) รับบทเป็น Yuichi Goto
Anne Watanabe (จากซีรีส์เรื่อง xxxHOLiC) รับบทเป็น Asako Kai
Masaki Okada (จากภาพยนตร์เรื่อง Gin Tama ทั้ง 2 ภาค) รับบทเป็น Shinji Ochi
Hikaru Tashiro (จากซีรีส์เรื่อง No Side Manager) รับบทเป็น Chiharu Uno
Takumi Saito (จากภาพยนตร์เรื่อง Shin Godzilla) รับบทเป็น Hiroshi Ide
Kōtarō Yoshida (จากภาพยนตร์เรื่อง Kaiji: Final Game) รับบทเป็น Kazuma
Tokio Emoto (จากซีรีส์เรื่อง JU-ON: Origin และ The Naked Director) รับบทเป็น First Man
รับชมได้ทาง Netflix
เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวของคน 6 คนที่แตกต่างกันทั้งพื้นเพและอาชีพ ได้แก่ ยูอิจิ โกโตะ, อาซาโกะ ไคอิ, ชินจิ โอจิ, ชิฮารุ อูโนะ, ฮิโรชิ อิเด และ คาซูมะ (รับบทโดย Kōtarō Yoshida) ที่ตื่นขึ้นมาในห้องปริศนาห้องหนึ่ง โดยที่ไม่มีใครรู้ตัวเลยว่ามาอยู่ที่ห้องแห่งนี้ได้ยังไง และทำไมถึงถูกจับมาไว้ที่นี่
ซึ่งที่ผนังห้องทั้ง 4 ด้านรวมถึงบนเพดานและพื้นจะมีประตูอยู่ด้านละ 1 บาน เมื่อพวกเขาเปิดดู ก็ได้พบว่าประตูแต่ละบานนั้นเป็นประตูที่เปิดไปยังห้องอีกห้องหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับห้องที่พวกเขาอยู่ แต่ที่อันตรายกว่านั้นก็คือ ห้องบางห้องนั้นมีกับดักที่จะคร่าชีวิตของคนที่หลงเข้าไปซ่อนเอาไว้อยู่ และพวกเขาไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าห้องไหนจะเป็นห้องที่ปลอดภัย
พวกเขาจะหาทางออกจากสถานที่แห่งนี้ได้หรือไม่ ตามไปลุ้นกันดูนะฮะ
ความรู้สึกหลังดูจบ
เป็นอีก 1 งานหนังญี่ปุ่นแนวเอาตัวรอดที่ทำออกมาได้น่าผิดหวังมากๆ ทั้งๆ ที่ฝั่งญี่ปุ่นน่าจะถนัดกับพลอตเรื่องแนวๆ นี้นะฮะ โดยเฉพาะกับมังงะที่มีออกมามากมายหลายเรื่องก่อนหน้านี้แล้ว เช่น Judge (เกมพิพากษา) ของอาจารย์ Yoshiki Tonogai เป็นต้น
หนังมีการปรับเปลี่ยนบุคลิกและนิสัยของตัวละครเกือบทุกตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมของญี่ปุ่น รวมถึงปรับอายุของตัวละครให้ครอบคลุมตั้งแต่คนยุคเบบี้บูมจนถึงยุคเจนแซดเลย ซึ่งเอื้ออำนวยต่อการนำไปเล่นประเด็นอะไรหลายๆ อย่างตามแบบหนัง/ซีรีส์ของญี่ปุ่น เช่น ปัญหาความขัดแย้งระหว่างวัย, ปัญหาเรื่องของความไว้เนื้อเชื่อใจของเด็กที่มีต่อผู้ใหญ่ รวมถึงปัญหาความกดดันในชีวิตของคนยุคเจนวาย เป็นต้น แต่สุดท้ายประเด็นที่น่าสนใจอย่างที่ว่ามา กลับทำออกมาได้ไม่ดีเลย เสียดายของมากๆ
อีกทั้งหนังยังเลือกที่จะเปลี่ยนตอนจบให้แตกต่างไปจากต้นฉบับนิดหน่อย แต่ก็น่าจะเป็นจุดสำคัญเลยหากหนังคิดจะทำภาคต่อออกมาอีก เพราะการเลือกตอนจบแบบนี้ น่าจะทำให้เรื่องราวที่จะเดินต่อแตกต่างจากต้นฉบับอย่างแน่นอน (ต้นฉบับมี 3 ภาค)
และสิ่งหนึ่งที่หนังยังคงรักษาเอกลักษณ์ได้เป็นอย่างดี เรียกว่าเคารพต้นฉบับเลยก็ว่าได้ นั่นคือการที่ไม่มีการบอกเล่าหรือเฉลยปริศนาที่มาที่ไปอะไรเลย ดังนั้น เมื่อบวกกับการเดินเรื่องที่น่าเบื่อ และไม่มีความเข้มข้นชวนให้ลุ้นระทึกหรือน่าติดตาม จึงยิ่งทำให้เกิดอาการง่วงเหงาหาวนอนไปตลอดระหว่างทางที่ดูเลยฮะ
สรุป >> ให้ไป 2 เต็ม 10 ละกันฮะ หนังไม่สนุกและน่าเบื่อมาก พูดเยอะ แต่ไม่มีความน่าสนใจเลย