Toy Story 4 จุดเริ่มต้นของบทสรุปของวูดดี้และบัซ
ในปี 2010 Pixar Animation Studio ได้ให้แอนดี้ และคนดู บอกลาเหล่าของเล่นใน Toy Story 3 กันไปแล้ว หลายๆคนยกย่องให้เป็นแอนิเมชั่นปิดไตรภาคที่สร้างความทรงจำดีๆให้ทุกคนเลยก็ว่าได้ ใครจะไปคิดว่าในอีก 9 ปีต่อมา Pixar ได้สร้างภาคต่อของแฟนไชร์นี้ออกมาอีก ซึ่งแทบจะเป็นทุกๆคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “สร้างภาคต่อให้กับเรื่องนี้ มันจะดีหรอ” ทั้งๆ ที่ภาคล่าสุดเป็นการปิดฉากหนังใหญ่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนตัวผมเองคิดว่าถ้าตัวบทมันไม่ดีจริง Pixar คงไม่กล้าดึงแฟนไชร์อัมตะนี้ ลงมาแปดเปื้อนแน่นอน
สำหรับภาคนี้จะเล่าต่อจากภาคก่อนหน้า แต่จะมีการท้าวความไปช่วงที่ตัวละคร โบพี๊บ ได้ถูกโล๊ะจากบ้านของแอนดี้ เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมให้แก่คนดู เพราะว่าในภาคก่อนบทของเธอเหมือนจะถูกเล่าข้ามแบบผ่านๆไปไม่ได้ให้ความสำคัญอะไร โดยเหตุการณ์ในภาคนี้จะเล่าช่วงที่ บอนนี้ เจ้าของใหม่นั้นกำลังจะเข้าสู่โรงเรียนอนุบาล และได้สร้างสรรค์ของเล่นใหม่ที่ชื่อว่า ฟอร์กี้ (ช้อน+ซ่อม) โดยเธอได้ให้ความสำคัญกับของเล่นชิ้นนี้มากเป็นพิเศษ กลับกันเจ้าฟอร์กี้ นั้นได้ยึดติดกับคำว่าตัวเองคือขยะ จะต้องไปอาศัยอยู่ในถังขยะ และได้พยายามหนีจากบอนนี้ไปลงถังขยะตลอดเวลาทำให้วูดดี้ต้องคอยทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้แก่ของเล่นใหม่ชิ้นนี้ ซึ่งก่อนเปิดเทอมทางพ่อแม่ได้มีการพาไปออก Road Trip ด้วยรถบ้าน ฟอร์กี้ได้หนีออกนอกรถไป วูดดี้จึงต้องออกตามหาและพาเจ้าฟอร์กี้กลับมาหาบอนนี้ให้ได้ ในระหว่างทางนั้นได้เจอเข้ากับโบพี๊บนั่นเอง
เรียกได้ว่าทุกๆ ฉากในภาคนี้ทาง Pixar ได้มีการคิดมาแล้ว เพื่อเป็นฉากที่สร้างอารมณ์ร่วมให้แก่คนดูมีต่อแต่ละตัวละคร ซึ่งส่งผลทำให้ในช่วงองก์สุดท้ายของเรื่องนั้นสร้างอารมณ์ร่วมของคนดูต่อชะตากรรมของตัวละครต่างๆ เรียกได้ว่าคนดูอินมากมายน้ำตาแตกกันไปเลยทีเดียว
สรุปแล้ว Pixar ก็ยังคงเป็น Pixar อยู่วันยันค่ำจริงๆ ยังมีฝีมือการสร้างสรรค์หนังออกมาไม่ให้ซ้ำกับภาคก่อนๆและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการแอนิเมชั่นเลยก็ว่าได้ 9.5/10 ไปเลยสำหรับภาคนี้