AIR – แผนล่าลายเซ็นยอดตำนาน

หนังเล่าเรื่องรวดเร็ว ที่เพลิดเพลินด้วยบทสนทนาต่าง ๆ
แต่น่าเสียดายที่มันยังไม่ impact สักเท่าไหร่

หลายคนคงคุ้นเคยกับรองเท้า Nike และคงคุ้นเคยไม่น้อยกับรุ่น Air Jordan ที่มาพร้อมกับภาพเงาอันเป็นเอกลักษณ์ของตำนานแห่งวงการบาสเก็ตบอล Michael Jordan หลายคนอาจไม่รู้ว่าทั้งสองสิ่งนี้มันมาผนวกรวมกันได้อย่างไร และหนังเรื่องนี้ก็ทำหน้าที่มาบอกเล่าเรื่องราวตรงนั้น ที่มันกลายเป็นตำนานจวบจนทุกวันนี้

Air – แผนล่าลายเซ็นยอดตำนาน บอกเล่าเรื่องราวของบริษัท Nike ที่กำลังอยู่ในช่วงที่ตกต่ำ ส่วนแบ่งทางการตลาดรองเท้าบาสเก็ตบอล พ่ายแพ้ให้กับ Converse และ Adidas ราบคาบ ทำให้ Nike ตกที่นั่งลำบาก ต้องวางแผนดึงตัวผู้เล่นบาสเก็ตบอล โดยหวังว่ามันจะปัง สร้างกระแสไปทั่วโลก และเป้าหมายของเขาคือเด็กหนุ่มผู้มากพรสวรรค์ พาทีมมหาวิทยาลัยคว้าแชมป์ได้ ชายคนนี้มีนามว่า Michael Jordan แต่แผนการนี้ไม่ง่ายแบบนั้น เมื่อทาง Converse และ Adidas ต่างก็อยากได้ตัวของชายคนนี้เช่นกัน 

นี่คือผลงานการกำกับของ Ben Affleck ที่เจ้าตัวรับหน้าที่อำนวยการสร้างและแสดงด้วยในบท Phil Knight ซึ่งมีเพื่อนรักอย่าง Matt Damon มารับบทนำในบท Sonny Vaccaro  

นี่คือหนังที่ดำเนินเรื่องเร็วมาก ๆ และดำเนินเรื่องผ่านบทสนทนาของตัวละครเป็นหลัก ตลอดทั้งเรื่องเหล่าตัวละครต่าง ๆ แทบจะพ่นบทใส่กันตลอดเวลาแบบไม่พักหายใจเลยทีเดียว หากใครหลุด ๆ อาจทำให้อ่านซับไม่ทันและขาดตกบกพร่องในบางจุดเลยทีเดียว ในบทสนทนาเหล่านั้น เราจะได้เห็นทั้งความเจ๋ง ความกล้า ความบ้า ของตัวละครหลัก แถมยังมีประโยคจิกกัดคู่แข่งอื่น ๆ เป็นมุกให้ขำกัน 

ถึงแม้หนังจะเป็นการคุยเสียส่วนใหญ่ แต่แน่นอนว่าความสนุกมันอยู่ตรงนั้นแหละ ต้องชื่นชมเหล่านักแสดงนำเลย โดยเฉพาะ Matt Damon ที่รับผิดชอบบทของตัวเองได้ดีมากถึงมากที่สุด การพ่นบทต่าง ๆ ดูธรรมชาติ น่าเชื่อถือ และยิ่งเข้าฉากกับคนอื่นไม่ว่าจะทั้ง Ben Affleck, Jason Bateman, Chris Messina คือไหลลื่นมาก ไม่มีจุดใดให้น่าติเลยแม้แต่น้อย 

แต่จุดที่น่าเสียดายคือ หนังยังไม่สร้าง impact ให้กับคนดูสักเท่าไหร่ นี่มันคือดีลปรากฏการณ์ที่พลิกประวัติศาสตร์บริษัท Nike ทำให้รองเท้า Air Jordan กลายเป็น iconic ของแบรนด์ใครก็รู้จักจนถึงทุกวันนี้ แต่หนังสร้างแรงกระทบตรงนั้นไม่ได้เท่าไหร่ อีกทั้งเรื่องราวในระหว่างการล่าลายเซ็นของ Michael Jordan มันดูราบรื่นเกินไปเสียหน่อย อุปสรรคมันยังน้อย ถึงแม้ตัวหนังพยายามที่จะบอกว่าการเซ็นสัญญาครั้งนี้มันก็เหมือนกับการพนัน มันเสี่ยง เอาชีวิตทุกคนมาเสี่ยงเลยนะ แต่มันก็ยังไม่ตื่นเต้นมากพอ อีกทั้งยังน่าเสียดายที่ตัวหนังเลือกใช้ฟุตจริงของ Michael Jordan มาประกอบเรื่องที่เล่าได้ไม่พีคเท่าที่ควรเลย 

สรุปแล้ว Air – แผนล่าลายเซ็นยอดตำนาน จะเป็นหนังที่เพลินกับบทสนทนาและมุกต่าง ๆ ได้เรียนต้นกำเนิดของรองเท้า Nike Air Jordan แต่มันก็ยังไปไม่สุดสักเท่าไหร่ มันยังส่งความยิ่งใหญ่มาให้เราไม่ได้มากเท่าที่ควร