AKA (2023) เจ้าหน้าที่เงา

Untitled09339

ตอนแรกผมนึกว่า AKA จะมาในแนวแอ็คชั่นบู๊กระหน่ำ เพราะได้พระเอกจาก Lost Bullet มานำแสดง แต่กลายเป็นว่าหนังเป็นแอ็คชั่นสายเข้มที่มีฉากหลังเป็น “โลกที่ไม่สวย” และผลออกมาถือว่าน่าพอใจไม่น้อย

Alban Lenoir รับบทอดอง ฟรองโก้ เจ้าหน้าที่ลับที่ทำงานให้กับรัฐ และภารกิจล่าสุดคือแทรกตัวเข้าไปในเครือข่ายใต้ดินของวิคตอร์ (Eric Cantona) เพื่อสืบแผนของผู้ก่อการร้าย มุกตา อัล ตอยยิบ (Kevin Layne)

ยอมรับว่าตอนแรกผมมุ่งเน้นไปที่แอ็คชั่นนะครับ ซึ่งโดยรวมก็ถือว่าไม่เลว ฉากบู๊ในเรื่องถือว่าสะใจพอตัวทั้งฉากไล่ยิงหรือดวลหมัดซัดกัน แต่ไปๆ มาๆ พอดูจบสิ่งที่ประทับใจผมกลับเป็นการที่หนังพาเราเข้าไปสู่ด้านมืดของโลก สู่โลกของอาชญากร รวมถึงด้านมืดของเหล่าผู้มีอำนาจ

ตามปกติเวลาเราดูหนังสายลับนี่รสชาติมักจะออกมากลางๆ นะ คือมันจะไม่มืดมาก มันจะมีมุมเบาๆ มีอารมณ์ขันก็ว่ากันไป แต่หนังเรื่องนี้เหมือนสื่อแบบตรงๆ น่ะครับว่าโลกของอาชญากรนั้นเต็มไปด้วยความโหดร้ายและอันตราย ใครเข้าไปยุ่งก็ต้องเตรียมใจรับเรื่องร้ายได้ทุกเมื่อ อย่างเช่นถ้าเราจะปล้นเขา ก็ต้องทำใจว่าอาจถูกคนอื่นมาปล้นไปอีกต่อหนึ่ง หรือไม่ก็ต้องโดนทางการตามล่าจนจบไม่สวย

เรื่องผลประโยชน์ในโลกใต้ดินก็เหมือนกัน วันหนึ่งเราอาจสุขีปรีดิ์เปรมกับลาภยศเงินทองที่เราคว้ามาได้ แต่ถ้าวันหนึ่งวันใดขาเราไปขัดกับขาคนอื่น ก็ต้องเตรียมเจอทั้งการขู่เข็ญ ยาวไปจนถึงการตามฆ่าตามเก็บ บางครั้งเรื่องก็ลามยาวถึงครอบครัว ไม่ว่าลูกเราจะเล็กจะเยาว์แค่ไหนก็อาจต้องเจอกับห่ากระสุนปลิวผ่านหน้า

หรือไม่ก็เรื่องระดับชาติ เมื่อชาติหนึ่งยื่นข้อเสนอบางอย่างให้กับอีกชาติหนึ่ง ในด้านหนึ่งข้อเสนอนั้นอาจดูดีและมีฉากหน้าอันสวยงาม แต่บางครั้งบางคราวชาติที่ยื่นข้อเสนอให้นั้นอาจคิดหมากกลลวงตาเอาไว้ เพื่อรอตลบหลังฮุบผลประโยชน์ไปจากอีกชาติหนึ่งโดยอีกฝ่ายไม่รู้ตัว (หรือรู้ตัวเมื่อสายเกินไป)

Untitled09340

ไหนจะผู้มีอำนาจที่พอมีอำนาจแล้วก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษาอำนาจของตนไว้ ถึงขั้นสาดโคลนใส่ไคล้คนอื่นเพื่อดำรงไว้ซึ่งความสง่างามปลอมๆ ของตน

ดูหนังเรื่องนี้แล้วมันทำให้คิดเลยน่ะครับว่าโลกแบบนั้นน่ะไม่น่าอยู่ ไม่น่ายุ่ง แม้มันจะทำให้ได้เงินเร็วและได้เงินมาก แต่ความเสี่ยงและความทุกข์ก็มีมากเช่นเดียวกัน – ที่สำคัญคือส่วนใหญ่ถ้าก้าวเข้าไปแล้ว ก็ยากจะกลับตัวออกมาได้

ยิ่งถ้าดูจากหนังเรื่องนี้แล้ว ผลลัพธ์ของผู้ที่ข้องเกี่ยวกับอาชญากรรม นิยามสั้นๆ ได้เลยว่า “เละ” จริงๆ

หรืออย่างภารกิจแรกสุดที่พระเอกไปลงมือนั้น ก็สื่อถึง “มุมสีเทา” ของเหล่ามหาอำนาจได้อย่างน่าคิด – คำถามที่ผุดขึ้นก็สั้นๆ ก็คือ “นั่นเป็นแค่เรื่องในหนังแค่นั้นหรือ?”

ผู้กำกับหนังเรื่องนี้คือ Morgan S. Dalibert ซึ่งก็คือผู้กำกับภาพหนัง Lost Bullet ทั้ง 2 ภาคนั่นแหละครับ ซึ่งพี่เขาก็ยังไว้ลายความเป็นผู้กำกับภาพอยู่ด้วยการโชว์ลีลาในหลายฉาก ตั้งแต่ตอนเปิดเรื่องกับช็อตมุมกว้างเก็บภาพภูเขากว้างใหญ่ที่ทำให้หนังดูอลังอยู่ในที ตามด้วย Long Take ในซีนที่พระเอกแหกคุกตอนต้นเรื่อง ซีนนี้ก็โชว์ได้ออกรสเหมือนกัน – แล้วก็ยังมี Long Take ในเรื่องอีกประปราบครับ แนะนำให้ตามไปสังเกตกันดู – อีกทั้งการเล่าเรื่องด้วยภาพ สื่ออารมณ์ต่างๆ ผ่านภาพ เรียกว่ามีรายละเอียดให้สังเกตพอสมควร – แบบนี้ผมชอบ

ว่าตามจริงดูเรื่องนี้แล้วรู้สึกเหมือนได้ดูหนังหลายเรื่องในเรื่องเดียว เพราะหนังมีความเป็นหนังสายลับแทรกซึมตัวเข้าไปในองค์กร – มีการตามล่าตามสืบผู้ก่อการร้าย – มีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนที่แทรกซึมเข้าไปกับอาชญากรที่ทำงานอยู่ที่นั่น – และยังมีเรื่องความผูกพันระหว่างตัวเอกกับเด็ก ซึ่งทำให้นึกถึง Man on Fire ขึ้นมาเลย – แต่ก็อย่างที่ผมชอบพูดบ่อยๆ น่ะครับว่าหนังไม่ใหม่ หรือเล่าซ้ำทางบ้างก็ไม่เป็นไร ขอให้ทำออกมาดูสนุกก็โอเค และเรื่องนี้ก็ถือว่าใช้ได้ครับ โดยเฉพาะซีนที่อดองดิ่งไปช่วยเด็กน่ะครับ ฉากนั้นสะใจหลายวาระ

สรุปว่าเป็นหนังแอ็คชั่นสายเข้มของฝรั่งเศสที่น่าดูอีกเรื่อง

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)