Category: รีวิวหนัง

ภาคก่อนโกยเงินทั่วโลกเกือบพันล้านครับ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะต้องมีการทำภาคต่อออกมา ซึ่งภาคนี้ก็ถือว่าทำเงินไปน่าพอใจอีกเช่นกัน คือ $796 ล้าน แสดงว่ามีคนรอให้การต้อนรับอยู่เยอะทีเดียว ผมว่าเหตุผลหนึ่งที่หนังประสบความสำเร็จ นอกจากจะเพราะได้ดาราดังๆ และเหมาะกับบทมาร่วมจอกันแล้ว ก็ต้องยกให้กับความเป็นหนังผจญภัยน่ะครับ ผมว่าหนังแนวนี้มีคนรอดูอยู่เยอะนะ (ผมก็คนหนึ่งล่ะครับที่ชอบหนังแนวนี้) ประเภทบุกป่าฝ่าด่าน เจอภยันตรายแบบต่างๆ ในป่าเขา ขอเพียงทำออกมาโอเค ความสำเร็จก็พร้อมจะไหลมาอยู่แล้ว เรื่องราวหนนี้ก็ต่อจากหนก่อนครับ เหล่าผองเพื่อนกลุ่มเดิมมีอันต้องกลับไปเล่นเกมอีกครั้ง เพราะพวกเขาคนหนึ่งดันไปติดอยู่ในเกม และหนนี้นอกจากจะมี 4 วัยรุ่นเจ้าเดิมกลับมาผจญภัยแล้ว ก็ยังมีคุณตาผู้สูงอายุอย่างเอ็ดดี้ (Danny DeVito) และไมโล (Danny Glover)…

เน็ตไอดอลสาวแป้งหอม เป็นเน็ตไอดอลสาวที่หนุ่มๆ รู้จักในนาม ออม ยูมิ ที่เป็นที่พูดถึงและรู้จักกันดี ในโลกโซเซียลออนไลน์ ที่มีทั้งหน้าตาที่น่ารัก ผมสั้น ตัวเล็ก ดูดี มีเสน่ห์ แถมมาพร้อมกับหุ่นสุดเอ็กซ์ หน้าอกที่สะบึ้ม ทำเอาหนุ่มๆใจสั่นไปตามๆกัน มีผลงานถ่ายแบบเซ็กซี่สุดเร่าร้อน จึงทำให้เธอนั้นโด่งดังมากๆในเวลานี้ ไปชมความน่ารักของสาวคนนี้ได้เลย ขอบคุณรูปภาพน่ารักๆ จาก facebook : Aomdada Minimini

เรื่องนี้ดูไปหลายรอบแล้วเหมือนกันครับ ประมาณว่าพอมีอารมณ์อยากดูหนังแนวภัยพิบัติทำลายโลกเมื่อไร ก็ต้องหยิบเรื่องนี้มาดูด้วยทุกทีไป หนังจับเอาภาวะโลกร้อนมาเป็นประเด็นครับ ประมาณว่าการที่น้ำแข็งขั้วโลกละลายมันส่งผลให้สภาวะอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเกิดมหาพายุถล่มเมือง หรือสึนามิซัดเข้าฝั่งจนตึกพังเป็นแถบๆ แต่นั่นยังไม่ร้ายแรงเท่ากับพายุหิมะขนาดยักษ์ที่จะทำให้ทุกแห่งหนที่เกิดพายุนี้ต้องกลายเป็นน้ำแข็ง ผมชอบเรื่องนี้นะครับ อาจจะไม่ได้ชอบมากมาย แต่ก็ถือเป็นหนังภัยพิบัติที่ดูสนุก อย่างน้อยฉากทำลายข้าวของก็ถือว่าเวิร์กครับ มีความยิ่งใหญ่อลังการในระดับที่น่าพอใจมากๆ สำหรับยุคนั้น ในแง่ความตื่นเต้นเร้าใจก็ไว้ใจผู้กำกับ Roland Emmerich ได้ล่ะครับ พี่เขาถือว่ารู้งานทีเดียว เริ่มตั้งแต่การเล่าเรื่องที่ค่อยๆ ไล่ระดับภัยพิบัติได้อย่างพอเหมาะ เริ่มจากเบาะๆ เบาๆ ให้ข้อมูลกับคนดูทีละน้อย แล้วเหตุการณ์ก็ค่อยๆ น่าตระหนกขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่ภัยพิบัติของจริงจะเข้าถล่ม ซึ่งการเล่าเรื่องไต่ระดับแบบนี้ก็ถือเป็นสูตรเดียวกับที่ Independence Day ใช้ได้ผลมาแล้วนั่นล่ะครับ ฉากลุ้นๆ ถือว่าทำออกมาได้ดี ไม่ว่าจะฉากสึนามิที่พัดไล่เข้ามาสร้างความหายนะในเมือง…

จุดหนึ่งที่จัดว่าน่าเสียดายในภาคนี้คือการที่ Donnie Yen ไม่กลับมารับบทซุนหงอคง ซึ่งคนที่มารับบทแทนก็คือ กั๊วฟู่เฉิง (ที่ภาคก่อนเล่นเป็นปีศาจกระทิง) ที่แม้ว่าพี่แกจะแสดงได้ดีอยู่ แต่ในแง่แอ็กชันลีลากังฟูแล้ว ยังไงป๋า Donnie ก็พริ้วกว่าครับ แต่กระนั้นก็ไม่เป็นไร ขอให้หนังทำออกมาสนุกดูเพลินก็น่าจะโอเคแล้วล่ะ ซึ่งผลลัพธ์ออกมาเป็นไงเดี๋ยวมาว่ากันอีกทีครับ ภาคนี้ต่อจากภาคก่อน หลังจากหงอคงถล่มสวรรค์แล้วก็โดนเนรเทศมาขังอยู่ใต้ภูเขาเบญจคีรีเป็นเวลา 500 ปี รอจนพระถังซัมจั๋ง (เฝิงเส้าเฟิง) ผ่านมาเพื่อปลดปล่อยเขา แล้วเขาก็ต้องปกป้องพระถังจนกว่าจะเดินทางถึงชมพูทวีป เพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎกกลับมายังแผ่นดินจีน แล้วระหว่างทางพวกเขาก็เจอกับปีศาจมากมาย ซึ่งบางตัวก็มาร่วมเดินทางไปด้วยกัน อันได้แก่ ตือโป๊ยก่าย และซัวเจ๋ง แต่บางตัวก็มาเพื่อแล้วหวังร้ายเป็นหลัก (ส่วนมากก็คือหวังกินเนื้อพระถังนั่นเอง) ซึ่งบอสใหญ่ในภาคนี้ก็คือปีศาจกระดูกขาว (กงลี่) หนังถือว่าเลือกตอนมาทำได้เหมาะดีครับ โดยส่วนตัวแล้วผมชอบตอนปะทะปีศาจกระดูกขาวมากๆ…

ชื่อไทยของหนังเรื่องนี้ติดหูผมมานานครับ ฟังทีแรกก็สะดุดหูเลย แต่เพิ่งมามีโอกาสได้ดูก็หลังจากดู Ip Man ไปหลายภาคแล้ว ซึ่งผมก็มารู้ตอนดูนี่แหละว่า Wilson Yip แห่ง Ip Man เป็๋นคนกำกับ และพี่ Donnie Yen นอกจากเล่นนำแล้ว ยังเป็นคนกำกับคิวบู๊ด้วย และยอมรับว่าตอนเห็นลุคพี่ Donnie Yen เป็นไอ้หนุ่มผมยาวแบบในเรื่องนี้ก็อดฮาไม่ได้ครับ เพราะติดภาพลักษณ์พี่ Donnie ในมาดยิปมันไปแล้วน่ะ (นึกไปถึงอาจารย์ยิปผมยาวเลยครับ 555) หนังสร้างจากการ์ตูน (ที่ผมไม่เคยได้อ่าน) เรื่องของสองพี่น้องหวังเสี่ยวหลง (Yen) และหวังเสี่ยวหู่ (เซียะถิงฟง) ที่มีอันต้องพลัดพรากกันตั้งแต่ยังเด็ก ครั้นพอโตขึ้นพวกเขาก็มาพบกัน (แบบจำกันไม่ได้ในตอนแรก) แล้วก็มีอันต้องปะทะกันตามสูตรครับ ซึ่งฝีมือของทั้งคู่ก็นับว่าไม่ธรรมดา แล้วพวกเขายังได้เจอกับ…

ช่วงปี 1989 (คาบเกี่ยวมาถึงปี 1990) ช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีหนังลงน้ำสร้างกันออกมามากถึง 6 เรื่องครับ ได้แก่ The Abyss, Leviathan, DeepStar Six, The Evil Below, The Rift และ Lords of the Deepซึ่งพูดกันตรงๆ ก็คือไม่มีเรื่องไหนดีเท่า The Abyss แต่กระนั้นคนชอบหนังลงน้ำอย่างผมก็ต้องตามไปดูให้ครบล่ะครับ การเขียนถึงหนังเรื่องนี้ในปีนี้ (2020) น่าจะเป็นความประจวบเหมาะที่พอดีครับ เพราะเรื่องราวในหนังเกิดในปี 2020 เมื่อมนุษยชาติกำลังเกิดวิกฤติเนื่องจากชาวโลกผลาญทรัพยากรธรรมชาติจนแทบไม่เหลือ ทำให้บริษัทต่างๆ ในโลกพยายามสำรวจใต้ทะเลเพื่อค้นหาแหล่งทรัพยากรใหม่เอามาใช้แทน…

ดูครบแล้วครับสำหรับ 6 หนังลงน้ำในช่วงปี 1989 – 1990 ที่ขยันทำแนวนี้กันออกมาเหลือเกิน ซึ่งเกือบทั้งหมดก็ไปไม่ถึงดวงดาว มีแค่ The Abyss เรื่องเดียว ที่ถือว่าถึงรสถึงชาติ (แต่หากว่ากันในแง่รายได้แล้ว แต่ละเรื่องต่างก็ไม่ทำเงินเท่าที่ควร จนทำให้วงการหนังเข็ดขยาดทำหนังลงน้ำกันไปเลยครับ) เรื่องนี้ถือเป็นหนังตำซั่วครับ คือผสมหลายอย่างลงไปในเรื่อง มีทั้งความเป็นหนังลงน้ำ หนังโรแมนติก แล้วบวกด้วยเรื่องสยองอาถรรพ์เหนือธรรมชาติเข้าไปอีกอย่าง โดยหลักๆ แล้วมันเป็นเรื่องของนักล่าสมบัติใต้ทะเลนามว่า แม็กซ์ แคช (Wayne Crawford) ที่ชีวิตมีอันต้องไปพัวพันกับซากเรือสเปนโบราณที่จมอยู่ใต้ท้องทะเล จริงๆ มันน่าจะนำเงินทองมาให้เขา เสียอย่างเดียวคือเรือลำนี้ดันมีอาถรรพ์ครับ ใครก็ตามที่เข้าไปข้องแวะก็ต้องเจอกับเรื่องสยอง…

ตอนแรกผมนึกว่าเรื่องของเด็กนรกแห่งทุ่งข้าวโพดจะจบไปแล้วในภาคที่ 7 (Revelation) เพราะมีเห็นมีการรีเมคภาคแรกใหม่ไปแล้ว แต่ไปๆ มาๆ มันยังไม่ยอมจบครับ (ส่วนเราก็ตามดูไม่ยอมเลิกเหมือนกัน 555) ภาคนี้เป็นเรื่องของคู่หนุ่มสาว ทิม (Tim Rock) กับ อัลลี่ (Kelen Coleman) ที่รถเสียระหว่างเดินทางเลยต้องไปขอความช่วยเหลือจากคนแถวนั้น แล้วก็ตามสูตรครับ บ้านที่พวกเขาไปขอความช่วยเหลือก็ต้องมีเจ้าบ้านที่มีท่าทีแปลกๆ (Billy Drago) แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกครับ จำต้องพักอยู่ที่นั่นหนึ่งคืน และในคืนนั้นเองอัลลี่ก็ได้ยินเสียงเหมือนเด็กร้องอยู่ เธอเลยพยายามตามล่าหาความจริเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ แล้วก็แน่นอนว่าชีวิตของพวกเขากำลังตกอยู่ในอันตรายเป็นที่เรียบร้อย ตัวหนังก็เป็นไปดังคาดครับ ไม่ได้สนุกหรือน่าติดตามอะไรขนาดนั้น เหมือนบรรดาภาคต่อทั้งหลายของหนัง…

พออ่านจากชื่อเรื่องแล้ว ผมก็คิดไปว่าหนังน่าจะเกี่ยวกับคืนหนึ่งบนรถไฟที่ชายหญิงแปลกหน้าได้มารู้จักกันและแบ่งปันเรื่องราวในชีวิตแก่กัน (แบบ Before Sunrise) แต่พอได้ดูนี่ไปคนละเรื่องเลยครับ ไม่ใช่แบบที่คิดเลย ตัวเอกคือ โยฮาฟ (Eddie Castrodad) ชายที่กำลังเดินทางตามหาเมืองปริศนาที่แสนลึกลับ ระหว่างทางเขาได้รู้จักกับลิลี่ แม็คลาวด์ (Milla Jovovich) กับครอบครัวของเธอที่กำลังเดินทางไปเนปาล (ประมาณว่าพ่อแม่ของเธอได้งานใหม่ที่นั่นครับ) แล้วโยฮาฟก็ได้งานเป็นคนรับใช้ให้กับครอบครัวแม็คลาวด์ครับ ระหว่างนั้นเขากับลิลี่ก็ได้สานสัมพันธ์กันและเขาได้เล่าให้เธอฟังว่าตอนนี้เขากำลังหาเมืองล่องหน แล้วพวกเขาทั้งสองก็ผจญภัยออกตามหาเมืองที่ว่านั่นในเวลาต่อมา ช่วงต้นๆ หนังออกแนวดราม่าผสมโรแมนติกกุ๊กกิ๊กแบบ Puppy Love ครับ ส่วนครึ่งหลังนี่ก็ออกแนวผจญภัยนิดๆ ซึ่งต้องบอกก่อนว่า “ผจญภัย” ในเรื่องนี้มันไม่ได้ผจญภัยแบบอลังการแบบ Indiana…

ภาค 3 ของหนังชุด Mystery 101 ครับ เอมี่ วินสโลว์ (Jill Wagner) ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญในวรรณกรรมสืบสวนกลับมาอีกครั้งพร้อมด้วยตำรวจนักสืบเทรวิส เบิร์ก (Kristoffer Polaha) ในการสืบคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในงานเทศกาลหนังสือที่จัดขึ้นในวิทยาลัย โดยหนนี้หลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่คนผู้หนึ่งซึ่งให้ตายยังไงเอมี่ก็ไม่เชื่อว่าเขาคือฆาตกรครับ งานนี้เอมี่เลยต้องหาหลักฐานมาหักล้าง และตามจับฆาตกรตัวจริงให้ได้ โอเค อันนี้สารภาพเลยครับว่าผมยังรู้สึกเรื่อยๆ กับหนังชุดนี้อยู่ คีือไม่ได้ชอบหรือสนุกอะไร ซึ่งก็แปลกใจเหมือนกันครับเพราะเห็นหลายคนบอกว่าสนุกกันแต่เราดันไม่โดนใจ ก็พยายามคิดเหมือนกันครับว่าเพราะอะไร ซึ่งก็พอจะได้คำตอบประมาณนี้ อย่างแรกเลยคือผมชอบหนังสืบสวนฆาตกรรมของ Hallmark ที่มีความครบรส นั่นคือมีทั้งการสืบสวน การตามปม และอารมณ์ขันพร้อมด้วยสายสัมพันธ์ตัวละคร ซึ่งผมว่ามันคือสูตร…