Raiders of the Lost Shark (2015)

หลังจากห่างเหินการดูหนังแนวสัตว์โลกน่ารักไปพักหนึ่ง พอกลับมาได้ดูอีกครั้งก็เกาหัวแกรกๆ เลยครับ คือไม่นึกว่ามันจะสาละวันเตี้ยลงได้ขนาดนี้ ดูจากโปสเตอร์แล้วเหมือนหนังจะมีการผจญภัยและมีแอ็กชันนะครับ แต่เอาเข้าจริงนี่ไม่ใช่เลย หนังไม่มีอะไรเลยจริงๆ หลักๆ คือตัวละครมายืนคุยกันแล้วสักพักก็มีเหตุให้ต้องเดินลงน้ำไปโดนฉลามกิน แล้วมันก็ต้องมีตัวละครชายหญิงประเภทที่กะจะลงไปทำอะไรต่อมิอะไรกันในน้ำน่ะครับ แต่ก็โดนฉลามงาบซะก่อน คือมันลงสูตรจนแอบขำน่ะ และมันไม่มีอะไรมากกว่านั้นจริงๆ ครับ ฉากที่ตัวละครคุยกันก็ทื่อมาก ทื่อจนอึ้งเลยล่ะ คือมันไม่ใช่หนังเกรดบีล่ะครับ มันต้องต่ำกว่าบีลงไปเยอะมาก ระหว่างดูนี่ขำตัวเองเลยครับว่าตูกำลังดูอะไรอยู่นี่ ผมว่าหนังสั้นบางเรื่องที่นักศึกษาทำส่งอาจารย์ยังดูมีชีวิตมากกว่านี้เลยนะเนี่ย 555 ฉลามในเรื่องก็ CG โคตรๆ ครับ คือมันซีจี้ซีจี บางฉากนี่ CG แบบไม่เนียนมากๆ คือดูลอยๆ…

Final Impact (1992)

Lorenzo Lamas รับบท นิค เทย์เลอร์ อดีตแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่ง ที่ได้เจอกับนักสู้หนุ่มผู้มีอนาคตอย่างแดนนี่ (Michael Worth) และเขาหมายมั่นที่จะเทรนแดนนี่ให้เป็นแชมป์ แต่ชีวิตก็ไม่ง่ายดังหวังครับ เมื่อนิคเจอกับอริเก่าเข้า เลยทำให้ชีวิตของพวกเขาต้องเจอกับปัญหาที่นำไปสู่ความสูญเสียจนได้ เป็นหนังแอ็กชันที่ผสมดราม่าลงไป ซึ่งตัวหนังเองมีพล็อตที่เข้าที่เพราะมันเปิดโอกาสให้เล่นเรื่องดราม่าอะไรได้เยอะครับ จังหวะของหนังจัดว่าไม่เลวสำหรับการเป็นหนังเกรดบีสักเรื่องหนึ่ง แต่ก็พูดได้เต็มปากว่า “ยังดีได้อีกเยอะเลยเหมือนกัน” แต่ก็เป็นหนังที่แฟนของ Lamas น่าจะโอเค เพราะเขาเล่นบทดราม่าได้ไม่เลวครับ ทำให้เห็นว่าเอาเข้าจริงๆ แล้วเขาก็เล่นได้มากกว่าแค่หนังแอ็กชัน สรุปว่าพล็อตโอเค จังหวะไม่เลว แต่ก็ยังไม่ลงตัวมากมายอะไร ส่วนแอ็กชันก็ถือว่าเรื่อยๆ ไม่ได้เจ๋งแจ๋วอะไรครับ ดาวครึ่งครับ (5/10) SHARE THIS:

Stranger Things Season 3 (2019) สเตรนเจอร์ ธิงส์ ปี 3

ยอมรับว่าแอบกลัวเหมือนกันครับว่าปี 3 นี่ความสนุกจะดร็อปลงมาบ้างไหม แต่ที่ไหนได้ปีนี้กลายเป็นปีที่มันส์ที่สุด สนุกและน่าติดตามยิ่งกว่า 2 ปีแรกเสียอีก ดุท่าว่าทีมงานจะรู้งานและรู้จังหวะแล้วน่ะครับ จำได้ว่าช่วงต้นๆ ของ 2 ปีแรกมันจะยังไม่เร้าใจแบบเต็มๆ เหมือนเป็นการปูพื้นก่อน ค่อยๆ สร้างธีมสร้างอารมณ์ แล้วความสนุกจะไหลมาเยอะๆ ก็เมื่อผ่านไปสัก 2 – 4 ตอน แต่สำหรับปีนี้หนังมันส์ตั้งแต่ตอนแรกแล้วก็ลากยาวไปถึงตอนที่ 8 เลยครับ ความเข้มข้นตื่นเต้นจัดว่าสาแก่ใจ คุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆ หนังน่าติดตามทั้งในส่วนของเนื้อเรื่องแนวลึกลับสยองขวัญและปมเรื่องในเชิงดราม่าครับ เริ่มจากแนวสยองก่อน อันนี้บอกได้เลยว่าหนังสยองขึ้น การมาของตัวร้ายปีนี้มาพร้อมความสยองและน่ากลัว…

Forest Warrior (1996) ยอดคนป่าดงดิบ

หนังเรื่องนี้ทำเอาผมอ้าปากค้างไปเลยครับ คือไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจออะไรแบบนี้ นี่ขนาดว่าดูหนังของพี่ Steven Seagal มาแล้วทุกเรื่อง ทั้งดีและไม่ดีเจอมาทุกรูปแบบแล้ว แต่มาเจอเรื่องนี้ของป๋า Chuck Norris นี่ทำเอาอึ้งไปเลย ว่าจริงๆ นี่คือหนังครอบครัวครับ มีป๋า Chuck อยู่ในหนังไม่ถึง 20% นอกนั้นจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กๆ ที่อาศัยอยู่ในเมืองใกล้ๆ ป่าแทงเกิลวูด ที่ซึ่งมีตำนานเล่าขนาดถึงชายที่ชื่อจอห์น แม็คเคนนา (Chuck Norris) จิตวิญญาณแห่งพงไพรที่ว่ากันว่าเขาสามารถแปลงเป็นหมี เป็นหมาป่า และเป็นได้กระทั่งนกอินทรี เขาทำหน้าที่ปกป้องผืนป่ามานานแสนนาน และอยู่มาวันหนึ่งมีนายทุนจะบุกไปตัดไม้ทำลายป่า เด็กๆ เลยพยายามเข้าไปปกป้อง และรอว่าจอห์น แม็คเคนนาในตำนานจะออกมาร่วมกับพวกเขาในการพิทักษ์ป่าไม้ มันอึ้งจริงๆ…

Thunderheart (1992) ปมเลือดแดนดิบ

Thunderheart (1992) ปมเลือดแดนดิบ BY 10000TIP ON กรกฎาคม 30, 2020 เป็นที่ทราบกันดีว่าผืนแผ่นดินอเมริกานั้น ผู้ที่อาศัยอยู่แต่ดั้งแต่เดิมคือชนพื้นเมืองชาวอินเดียนแดง แต่ครั้นพอคนผิวขาวย้ายมาอยู่กันมากๆ เข้า ชาวอินเดียนแดงก็ถูกบีบคั้นให้มีที่อยู่อาศัยน้อยลงเรื่อยๆ และยังถูกกวาดล้างจนเหลือประชากรน้อยลงตามลำดับ มิหนำซ้ำยังโดนคนผิวขาวกำหนดกฎเกณฑ์จำกัดสิทธิ์สารพัด จนแปรสภาพจากเจ้าของดินแดนดั้งเดิมกลายเป็นเพียงพลเมืองชั้นรอง Thunderheart เป็นหนังที่สะท้อนความจริงที่ผมได้กล่าวไปนั่นแหละครับ เหตุเกิดที่เซาธ์ ดาโกต้า เมื่อลีโอ ฟาสต์ เอลค์ (Allan R.J. Joseph) ชาวอินเดียนแดงคนหนึ่งถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม และบรรยากาศของเมืองนั้นก็กำลังระอุเพราะชาวอินเดียนแดงบางส่วนก็ประท้วงต่อต้านการเข้าควบคุมของเหล่าคนผิวขาว ทาง FBI จึงตัดสินใจส่ง เรย์ ลีวอย…

Bloodfist VIII: Trained to Kill (1996), หมัดสังหาร 8

ริค โคแวน (Don ‘The Dragon’ Wilson) อดีตซีไอเอที่หันหลังให้กับชีวิตผาดโผนแล้วผันตัวมาปเนครูอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง เขาพยายามเลี้ยงลูกชาย (John Patrick White) ให้ห่างไกลจากโลกแห่งความรุนแรงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ตามสูตรครับ ลองว่าบทเรื่องนี้จับเขามาเป็นตัวเอกแล้ว ชีวิตเขาก็ย่อมไม่สงบสุขดังหวังหรอก เพราะพวกผู้ร้ายก็โผล่มาจนเขาต้องกลับมาใช้ฝีมือลายมือแบบซีไอเออีกครั้งเพื่อปกป้องชีวิตตนเองและลูกชาย ก็ตามเคยครับ ชื่อหนังคือ Bloodfist ภาค 8 แต่ตัวเอกในเรื่องเป็นคนละคนกับภาคก่อนๆ แต่นำแสดงโดย Wilson เหมือนเดิม สำหรับภาคนี้ก็จัดว่าพลาดเหมือนหลายๆ ภาค คือแทนที่หนังจะให้ Wilson ออกลีลาพะบู๊ แต่ดันทำออกมาเป็นแนวระทึกขวัญไล่ล่า ให้พี่ Wilsonมาจับปืน ซึ่งก็เข้าอีหรอบเดียวกับพี่ Steven Seagal น่ะครับ…

คลั่งล้างแค้น (2017) Manhunt

เรื่องนี้สำหรับผมแล้ว ถือว่าเป็นหนังของ John Woo ที่ผมชอบน้อยที่สุดครับ ในแง่ฉากแอ็กชัน จริงๆ แล้วก็ยังไว้ใจได้ ไม่ว่าจะลีลาการยิง การสโลว์ การกระตุ้นความตื่นเต้นยังถือว่าไว้ลายความเป็น John Woo ในระดับที่น่าพอใจ ดูแล้วยังตอบสนองความเร้าใจได้อยู่ แต่หนังมาเสียคะแนนไปเยอะหน่อยในส่วนของการเดินเรื่อง พล็อตหลักจริงๆ แล้วก็คือ The Fugitive นั่นแหละครับ ตัวเอกโดนใส่ความเลยต้องหนีและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ส่วนตำรวจก็มีหน้าที่ตามจับ แต่ก็จะมีจุดให้เริ่มเอะใจว่าตกลงพระเอกเป็นคนทำจริงๆ หรือเปล่า ก่อนที่ตอนท้ายอะไรๆ มันจะเฉลยออกมา เนี่ยครับ มันคือ The Fugitive ชัดเจนเลย จริงๆ พล็อตซ้ำไม่ใช่ปัญหาครับ เพราะถ้าปรุงดีๆ มันก็สนุกได้ แล้วถ้าบวกลีลาแอ็กชันแบบ John Woo เข้าไปด้วย…

Everybody’s Talking About Jamie 🏳️‍🌈🎶 มิวสิคัลสายแม่…เชยแสนเชย แต่สุดต๊าช!

Everybody’s Talking About Jamie ตามมาด้วยอีกหนึ่งหนังมิวสิคัลจากเกาะอังกฤษ ที่สร้างมาจากละครเวทียุคใหม่ที่เพิ่งกลายเป็นตำนานของที่นั่น นี่คือ “Everybody’s Talking About Jamie” ที่ออกมาในรูปแบบร้องเล่นเต้นเพลิน…คลุกเคล้ากับประเด็นดราม่าเกี่ยวกับการเปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศของเด็กนักเรียนชายคนหนึ่ง ที่ได้กลายมาเป็นเรื่องราวอันทรงพลังและเป็นกำลังใจให้กับผู้อื่นอีกนับไม่ถ้วน แม้ว่าตัวหนังนั้น…จะทำออกมาได้เชยสะบัดเลยก็ตาม Everybody’s Talking About Jamie เป็นเรื่องราวของ เจมี่ นิว เด็กนักเรียนวัย 16 ปี ที่อยู่ในช่วงที่กำลังค้นหาและค้นพบตัวเอง แต่เพราะสังคมที่ตีกรอบแคบๆ ให้กับเขา จึงยังทำให้ไม่มีความกล้าเพียงพอที่จะเป็นตัวของตัวเอง กระทั่งในคาบเรียนหนึ่งที่โรงเรียน ครูได้ถามเขาถึงเกี่ยวกับอาชีพอนาคตของเขา แม้ว่าครูจะมองเห็นต่างกับแนวคิดของเขา แต่เขากลับมีความแน่วแน่มากยิ่งขึ้นว่า…เขาจะโตขึ้นไปเป็นแดร็กควีน…

In the Heights ร้องเต้นกึกก้อง 💃🕺 ใช้ชีวิตแบบพวกเขา…ชาวไฮต์ส

In the Heights ได้มาคึกคักกับจังหวะดนตรีที่ร้อนเร่าท่ามกลางไอร้อนในฤดูร้อนของมหานครนิวยอร์ก เพราะนี่คือหนังมิวสิคัลที่สร้างมาจากละครเวทีบอร์ดเวย์ระดับโลก “In the Heights” ที่จะมาโยกย้ายส่ายสะโพกกันสุดฤทธิ์ และพาดำดิ่งดูชีวิตของชุมชนชาวลาตินในเมืองใหญ่ ที่ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบร้องเต้นสุดเมามันส์ เพียงแต่ว่า…จะลงตัวเมื่อกับจังหวะที่เกริ่นเอาไว้หรือเปล่านะ In the Heights เป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยแสงสีและกลิ่นกาแฟอันหอมกรุ่น ณ ย่านถนนหมายเลข 181 ชื่อว่า วอชิงตัน ไฮส์ท สถานที่ที่เหล่าคนล่าฝันมารวมตัวกันจนบรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและมิตรภาพอันแน้นแฟ้นของชุมชน อีกด้านหนึ่งของมุมถนนมีชายหนุ่มชื่อว่า อุสนาวี เจ้าของร้านขายของชำเล็กๆ กำลังใช้ชีวิตในทุกวันไปกับการเก็บหอมรอมริบทีละเล็ก ทีละน้อยเพื่อเติมเต็มความฝัน และนำพาชีวิตของเขาให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยด้วยความหวัง จินตนาการ และเสียงร้องเพลง หนังเรื่องนี้ถือเป็นการแท็กทีมทำงานด้วยกันอีกครั้งของผู้ที่ถือว่าเป็นต้นกำเนิดให้กับเรื่องราวดราม่าตีแผ่ชีวิตชาวลาตินอเมริกันพลัดถิ่น…

Don’t Tell a Soul (อย่าบอกใคร) 🤫 ด้านเทาๆ ของโจรกำลังกลับใจ

Don’t Tell a Soul จะเป็นอย่างไร…เมื่อโจรที่ก่อเหตุอาชญากรรมมา เกิดอาการกลับตัวกลับใจอย่างเป็นคนดี ช่วยเหลือคนที่กำลังตกทุกข์ได้ยากอยู่ นี่คือพล็อตเรื่องที่โชยมาของ “Don’t Tell a Soul” (อย่าบอกใคร) หนังทริลเลอร์ที่เพิ่งจะเข้ามาใหม่ที่ทรูไอดี ในรูปแบบเช่าดูในสัปดาห์นี้ หนังเล็กๆ ที่สามารถเล่าเรื่องได้น่าค่อนข้างน่าสนใจ ชวนติดตามและดูเพลินได้ไม่ยาก แม้องค์ประกอบอะไรๆ ก็ดูเชย แต่หนังเรื่องนี้ก็จัดได้ว่า…ไม่แย่นะ Don’t Tell a Soul เล่าเรื่องราวของ แมตต์ กับ โจอี้ พี่น้องที่ต้องทนอยู่กับสภาพชีวิตแย่ๆ หลังจากพ่อเสียชีวิต แม่ก็ล้มป่วยไม่มีแรง ทำให้พวกเขากลายเป็นเด็กหนุ่มที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อจากความคึกคะนองตามวัย…