เดือด ซัด ดิบ (2017) Paradox

คิดอยู่พักหนึ่งว่าจะเขียนดีไหม แต่สุดท้ายก็บอกตัวเองว่าเขียนๆ ไปเถอะ 555 ซึ่งก็ต้องออกตัวก่อนว่าผมอาจมองไม่เหมือนคนอื่นเท่าไรนะครับ เพราะดูแล้วหนังเรื่องนี้กระแสดี คนชมเยอะ ซึ่งจริงๆ หนังมันก็มีดีนั่นแหละ เพียงแต่อาจไม่ใช่ทางของผม อันที่จริงต้องบอกว่า ผมดูจะไม่ถูกเส้นกับหนังชุด SPL อย่างภาคแรกนี่โอเคครับ มันส์ดี แต่ภาค 2 ผมออกจะเฉยๆ และสิ่งที่ผมรู้สึกคล้ายๆ กันสำหรับภาค 1 และ 2 ของหนังชุดนี้ก็คือ แอ็กชันโอเค แต่การเดินเรื่อง/ลำดับเรื่อง มันรู้สึกโดดๆ คือมันจะไม่เหมือนพวก Ip Man หรือกระทั่งหนังหวงเฟยหงสมัยเก่าๆ ที่เนื้อเรื่องมันดูมีทิศทาง มีจุดเริ่ม มีจุดกลาง…

Bill & Ted’s Excellent Adventure (1989) บิลล์กับเท็ด ตอน มุดมิติอลเวง

หนังวัยรุ่นแนวไซไฟที่ผมรู้สึกถูกชะตาตั้งแต่การดูครั้งแรกเมื่อหลายสิบปีก่อนครับ โดยผมนั้นดูภาค 2 (ภาค Bogus Journey) ก่อน แล้วค่อยมาดูภาคแรกทีหลัง และผลสรุปรวมก็คือผมรู้สึกสนุกกับการดูหนังชุดนี้ทุกรอบที่ดูครับ เอาเข้าจริงแล้วหนังสไตล์นี้มีออกมาเรื่อยๆ ในยุค 80 – 90 นะครับ ประเภทว่ามีวัยรุ่นเป็นตัวเอกแล้วก็ไปเจอกับเหตุการณ์ประหลาดๆ เจอในเชิงวิทยาศาสตร์บ้าง (เช่น สิ่งประดิษฐ์แปลกๆ, เจาะมิติทะลุเวลา, โผล่ไปเจอมิติแปลกๆ หรือจีะเอ๋กับมนุษย์ต่างดาว) หรือไม่ก็เจอเรื่องเหนือธรรมชาติ (เจอผี, ปีศาจ หรือไม่ก็สัตว์ประหลาด) ซึ่งโทนหนังที่ออกมาก็แล้วแต่คนสร้างน่ะครับว่าจะให้ไปทางไหน บางเรื่องก็ตลก บางเรื่องก็สยอง ซึ่งอย่างหนึ่งที่บอกได้ก็คือ ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะทำออกมาแล้วสนุกครับ…

John Carpenter’s Escape from New York (1981) หนีนรกนิวยอร์ก

ถือเป็นหนังแอ็กชันผจญภัยที่ทำออกมาได้ดีอีกเรื่องหนึ่งสำหรับสมัยนั้นครับ และเป็นอีกหนึ่งผลงานที่น่าจดจำของผู้กำกับ John Carpenter ด้วย หนังสร้างในปี 1981 ครับ โดยเล่าถึงเรื่องในโลกอนาคต (สำหรับตอนนั้น) ในปี 1997 ตัวเอกของเรื่องมีนามว่า สเน็ค พลิสเกน (Kurt Russell) อาชญากรตัวเอ้ที่ทางการต้องการตัว และในที่สุดเขาก็โดนจับได้ แต่ขณะนั้นเองก็เกิดเหตุท่านประธานาธิบดี (Donald Pleasence) ไปติดอยู่บนเกาะนิวยอร์ก ซึ่งนิวยอร์กในยุคนั้นกลายเป็นเสมือนคุกที่เอานักโทษไปปล่อยไว้ ดังนั้นยิ่งท่านประธานาธิบดีอยู่ที่นั่นนานเท่าไร ก็มีโอกาสรอดน้อยเท่านั้น ทางการเลยยื่นข้อเสนอให้สเน็คครับ ว่าถ้าหากเขายอมแหกนรกไปช่วยท่าน ปธน. ออกมาได้ ก็จะได้รับการอภัยโทษ และนั่นก็คือจุดเริ่มของการหนีนรกนิวยอร์กครับ…

Zack Snyder’s Justice League (2021) จัสติซ ลีก ของ แซ็ค สไนเดอร์

ดูจบไปแล้วหนึ่งรอบครับ และคงต้องซ้ำอีกรอบในเวลาไม่นาน ถ้าถามว่าชอบไหม ก็ตอบได้ว่า “ผมชอบนะ” หนังจัดว่าสนุกดีแม้จะกินเวลา 4 ชั่วโมงก็เถอะ แต่หากใครที่ชื่นชอบเรื่องราวของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ของ DC ผมว่าหนังน่าจะคุ้มเวลาในการดูสำหรับท่านครับ ถ้าถามว่าหนังสุดยอดไหม… ในความคิดผม ผมว่าหนังทำได้ดีมากแล้วครับ คือนี่ผมมองจากมุมที่ว่า “จักรวาล DCEU เนี่ยมันถือกำเนิดขึ้นมาแบบลุ่มๆ ดอนๆ ผสมถูลู่ถูกัง” นะ คือถึงจุดนี้ก็ต้องยอมรับกันล่ะครับว่าการสร้างจักรวาล DC นี้มันเป็นไปแบบเร่งรัดตามใบสั่งของสตูดิโอ ไม่ได้มีการวางแผนอย่างเป็นระบบมากเท่าจักรวาล Marvel เรียกว่าถูกสั่งให้สร้างในเชิง “ศึกแห่งศักดิ์ศรี” พอดีค่ายนั้นเขาออกตัวแล้ว เราก็ต้องออกตัวบ้าง อันนำมาสู่การทำแบบเร่งรัด และการถูกควบคุมอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้ผลงานที่ออกมายังไม่ดีเท่าที่ควร…

Only the Brave (2017) คนกล้าไฟนรก

ใครที่คาดหมายว่าหนังเรื่องนี้จะจัดเต็ม Effect กระหน่ำแอ็กชัน อุดมฉากเร้าใจลุ้นระทึกแบบที่หนังแนวภัยพิบัติส่วนใหญ่มักจะเป็นกันล่ะก็ ขอบอกตรงนี้เลยครับว่า Only the Brave ไม่ใช่อะไรแบบนั้นเลย จริงครับที่หนังเรื่องนี้คือแนวภัยพิบัติ แต่หนังไม่ได้ประเคนฉากเสียวไส้เสี่ยงตายมาให้เราชม ตรงข้ามครับ หนังนำเสนอในเชิงดราม่าเป็นหลัก บอกเล่าเรื่องราวของหน่วย Granite Mountain Hotshots ที่หน้าที่ของพวกเขาคือการต่อสู้กับไฟป่าสารพัดชนิด วิธีการต่อสู้ของเขาก็จะไม่เหมือนกับนักดับเพลิงในเมือง งานหลักๆ ของพวกเขาจะเป็นการ “สกัดเพลิง” ครับ ตัวอย่างเช่น สมมติว่ามีไฟป่าโหมกระหน่ำเข้ามา สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือหาพิกัดทิศทางที่ไฟจะไหม้ลามมา โดยประเมินจากพื้นที่ ทิศทางลม ฯลฯ เมื่อเจอจุดที่ว่าแล้ว จากนั้นพวกเขาก็จะดำเนินการจุดไฟเผาจุดนั้นเสียให้ราบ เพื่อตัดเส้นทางไฟที่จะลาม…

Cold Blood Legacy (2019)

ที่ตัดสินใจดู Cold Blood Legacy นี่เพราะบารมีของพี่ Jean Reno ล้วนๆ เลยครับ เขาถือเป็นดาราขาประจำที่ผมติดตามผลงานมานานหลายสิบปี พอเห็นหน้าพี่เขาขึ้นปกก็ต้องลองซะหน่อยล่ะครับ เรื่องเล่าแบบย่อๆ ก็ว่าด้วยหญิงสาวคนหนึ่ง (Sarah Lind) ไปประสบอุบัติเหตุกลางป่าที่ปกคลุมด้วยหิมะครับ แล้วเธอก็คลานไปเรื่อยๆ จนเจอกับ เฮนรี่ (Reno) ชายที่อาศัยอยู่กลางป่านั้น แล้วเฮนรี่ก็ช่วยเธอไว้ครับแต่ทีนี้ตัวเฮนรี่น่ะมีอาชีพเป็นมือปืน เพิ่งลงมือปลิดชีพคนไปเมื่อไม่นานนี้ ดังนั้นตัวเขาก็อาจเป็นเป้าของการล้างแค้นก็เป็นได้ แล้วหญิงสาวคนนี้จะปลอดภัยหรือไม่ที่จะต้องมาอยู่ร่วมกับเขา อันนี้ก็ต้องลองไปหาคำตอบกันในหนังครับ ว่าตามจริงคือหนังไม่มีอะไรมากครับ เดินเรื่องแบบเรื่อยๆ บางชั่วขณะก็ทำให้นึกถึงเรื่อง Polar นะ แต่ถ้าให้พูดตรงๆ แล้วเรื่องนั้นดูเข้าท่ากว่ากันเยอะ เรื่องนี้หนังค่อนข้างช้าครับ ไม่ได้เร้าใจอะไร…

ใหญ่ฟัดโลก (1995) Rumble in the Bronx

เรื่องนี้ถือเป็นผลงานที่ทำให้เฉินหลงเป็นที่รู้จักแบบเต็มๆ ในอเมริกาครับ (ก่อนหน้านี้เฮียเขาก็มีผลงานที่พยายามบุกไปอเมริกาอย่าง Battle Creek Brawl และ The Protector แต่ก็ยังไม่ปัง) เฮียเฉินหลงรับบทผู้กองเฉียง นายตำรวจฮ่องกงที่เดินทางไปอเมริกาเพื่อร่วมงานแต่งงานของลุงเปียว (Bill Tung) ซึ่งลุงเปียวเป็นเจ้าของกิจการร้านซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่ในเขตบรองซ์ครับ และลุงเปียวก็ตัดสินใจขายกิจการให้กับสาวชาวจีนที่ชื่อ อีเลน (Anita Mui) ก่อนจะเดินทางไปฮันนีมูนกับคนรัก ปล่อยให้อาเฉียงคอยจัดการเรื่องการขายร้านให้อีเลนต่อ แต่ทีนี้ก็มีพวกอันธพาลมาก่อกวนครับ อาเฉียงเลยพยายามปกป้องร้านและปกป้องอีเลน จนในที่สุดเขาก็โดนพวกมันรุมจนเดินแทบไม่ไหว และจากเหตุการณ์นั้นก็ทำให้เขาได้รู้จักกับแนนซี่ (Françoise Yip) แฟนสาวของหัวหน้าแก๊งอันธพาลที่เขาไปมีเรื่องด้วย (เพราะพอดีว่าอาเฉียงเคยรู้จักและซื้อของเล่นให้กับน้องชายของแนนซีครับ เธอเลยตระหนักว่าเธอมีส่วนทำร้ายคนดีๆ เข้าให้เสียแล้ว) เนื้อเรื่องถัดจากนั้นก็ว่าด้วยการปะทะกันระหว่างอาเฉียงและแก๊งอันธพาล และยังมีปมเรื่องมาเฟียกับเพชรเข้ามาอีก ก็ถือว่าพล็อตมันนุงนังนิดหน่อยตามสไตล์หนังจีนครับ…

รักไม่เป็นภาษา (2019) London Sweeties

หนังตลกผสมโรแมนติกของบ้านเราที่ถือว่าดูเพลินกว่าที่คิดครับ เรื่องของพรอน (เมลดา สุศรี) สาวน้อยจอมบ้าจี้ที่จำเป็นต้องเดินทางไปร่วมงานแต่งงานของพี่สาว (แอริน ยุกตะทัต) ที่ลอนดอน แต่แค่วันแรกที่ไปก็่ก่อเรื่องป่วน เพราะเธอนั้นกลัวการพูดภาษาอังกฤษแบบสุดๆ จนพี่สาวต้องสั่งให้เธอไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม ที่นั่นเธอได้เจอกับโบ้ (ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์) ช่างซ่อมรถจากเมืองไทยที่ตั้งใจเดินทางไปลอนดอนเพื่อดูแลคนรัก และจู๊ด (ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์) ที่ตั้งใจไปลอนดอนตามคำท้าของเพื่อน ซึ่งสิ่งที่พวกเขาทั้ง 3 มีเหมือนกันก็คือ พูดอังกฤษไม่เป็น เวลาจะพูดทีก็เหงื่อแตกลนลานจนไม่เป็นอันทำอะไร เรื่องคร่าวๆ ก็ประมาณนี้ครับ ชาวไทย 3 คนที่ไม่เก่งภาษาแต่ต้องไปผจญภัยกันในอังกฤษ และแต่ละคนก็มีปมของตัวเอง…

ดาบมังกรหยก ตอน ประมุขพรรคมาร (1993) Kung Fu Cult Master

เรื่องราวของ ดาบมังกรหยก ฉบับจอใหญ่ครับ ได้ หลี่เหลียนเจี๋ย มารับบทเตียบ่อกี้ ผู้ทีี่ต้องสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่ยังเด็กเพราะถูกชาวยุทธบีบคั้นให้เผยที่ซ่อนของราชสีห์ขนทองเจี่ยซุ่น ครั้นเมื่อโตเป็นหนุ่ม ชะตาก็นำพาเขาให้ต้องผจญภัยกับวิบากกรรม ก่อนที่จะมีโอกาสได้ศึกษาวิชาเพลงยุทธอันเลิศล้ำ และได้เป็นประมุขพรรคจรัส (เม้งก่า) ในเวลาต่อมา จริงๆ แล้วนี่คือภาคแรกครับ ทีมงานน่ะตั้งใจจะทำออกมาเป็นหนังไตรภาค แต่พอดีว่าภาคแรกนี้ไม่ประสบความสำเร็จสักเท่าไร ทำเงินไปเพียง 10 ล้านเหรียญฮ่องกง ซึ่งนับว่าน้อยหากเทียบกับหนังเรื่องอื่นๆ ของหลี่เหลียนเจี๋ย ไม่ว่าจะ หวงเฟยหง, ฟงไสหยก, ปึงซีเง็ก หรือ ไอ้หนุ่มซินตึ้ง หัวใจผงาดฟ้า ที่ต่างก็ทำเงินไปราวๆ 30 ล้านเหรียญ สำหรับตัวหนังนั้นว่าตามจริงก็ถือว่าดูได้เรื่อยๆ ครับ แต่ก็ไม่ได้เด่นเป็นพิเศษ โดยโครงเรื่องแล้วก็คล้ายกับนิยาย แต่หลายอย่างก็แปลงไปทำเอาผู้ชมบางคนก็ขมวดคิ้วเหมือนกัน อย่างคาแรคเตอร์ของเตียบ่อกี้ที่ดูจะออกแนวเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นและดูกระหายอำนาจอยู่ในที…

A Score to Settle (2019) คนคลั่งปิดบัญชีแค้น

ว่ากันตรงๆ ที่เอาเรื่องนี้มาดูก็เพราะอยากตามไปให้กำลังใจพี่ Nicolas Cage ในฐานะที่ติดตามกันมานานครับ โดยเผื่อใจเอาไว้แล้วว่าหนังน่ะคงไม่มีอะไรสักเท่าไหร่หรอก แบบหนังพี่ Cage ระยะหลังส่วนใหญ่นั่นแหละ เรื่องนี้พี่ Cage รับบท แฟรงค์ คาร์เวอร์ ชายที่ติดคุก 19 ปีด้วยคดีที่เขาไม่ได้ก่อ ครั้นพอออกจากคุกมาเขาก็เตรียมที่จะล้างแค้นใครก็ตามที่มีส่วนทำให้เขาต้องติดอยู่ในคุก และขณะเดียวกันเขาก็พยายามจะชดเชยความบกพร่องในฐานะพ่อ ด้วยการดูแลโจอี้ (Noah Le Gros) ลูกชายของเขาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่สุดท้ายแล้ว เส้นทางความแค้นจะนำพาเขาไปสู่จุดจบเช่นไร? หนังก็เป็นแบบที่เผื่อใจไว้เลยครับ เดินเรื่องไปเรื่อยๆ ความเข้มข้นไม่ได้มากมายอะไร การเล่าเรื่องก็ไม่ได้ชวนติดตามเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยการแสดงของพี่ Cage ก็ยังไว้ลายครับ ซึ่งก็เป็นแบบนี้เสมอมา…