Daredevil Season 2 (2016) แดร์เดวิล ปี 2

Untitled07152

ปีแรกก็เข้มข้นจนคนพากันจดจำและชื่นชอบ มาปีนี้ความเข้มข้นก็ยังมีพอกันครับ การเดินเรื่องยังคงมั่นกับสไตล์เป็นสายแข็ง (นั่นคือไม่ได้หวือหวาหรือไม่มีสีสันเท่าซีรี่ส์ของฟาก DC)

ดังนั้นจึงต้องบอกไว้ก่อนครับว่าใครชอบอะไรที่มันมีสีสัน มีลูกเล่นพริ้วๆ มีอารมณ์ขันแจ่มๆ หรือไม่ก็ชอบแสงสีตระการตาแล้วล่ะก็ Daredevil อาจไม่ใช่ซีรี่ส์ที่เหมาะสำหรับท่านครับ

ปีนี้สานต่อเรื่องจากปีก่อน เมื่อแมตต์ เมอร์ด็อก หรือ แดร์เดฟวิล (Charlie Cox) สยบวิลสัน ฟิสก์ (Vincent D’Onofrio) เจ้าพ่อประจำเมืองได้สำเร็จ ปีต่อมาเขาต้องเจอกับคู่ปรับคนใหม่ นั่นคือ แฟรงค์ แคสเซิล (Jon Bernthal) อดีตทหารที่ทำตัวเป็นศาลเตี้ยไล่ฆ่าอาชญากรในเมืองอย่างโหดเหี้ยม จนทำให้แดร์เดฟวิลต้องยื่นมือเข้ามาขวาง

นอกจากนี้ยังมีอีเล็คตร้า (Elodie Yung) คนรักเก่าของแมตต์ที่หวนกลับมาสู่ชีวิตของเขาอีกครั้ง ยังไม่รวมความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ คาเรน (Deborah Ann Woll) และฟ็อกกี้ (Elden Henson) ที่ดูจะซับซ้อนขึ้นทุกทีๆ

ครับ ความเข้มยังถือว่ามากอยู่ เพียงแต่ยอมรับว่าความพีคหรือความชอบของผมอาจไม่มากเท่าปีแรก ส่วนหนึ่งคงเพราะปีแรกมันมาพร้อมความสด ใหม่ และได้ใจมากสำหรับโลกของฮีโร่ที่สมจริงและหนักแน่น พอมาปีนี้ จริงๆ ผมว่าคุณภาพยังคงได้มาตรฐานนะ (หรืออาจจะเรียกว่าเหนือมาตรฐานกว่าซีรี่ส์ส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ) เพียงแต่อาจเพราะเราเคยเห็นความเยี่ยมจากปีแรกมาแล้ว พอมาปีนี้แม้จะเยี่ยมไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน แต่ความตื่นเต้นในใจเลยลดลง

แต่พูดได้เต็มปากเลยนะครับว่าผมยังสนุกกับปีนี้อยู่ มันยังเข้มข้น การเดินเรื่องยังน่าติดตาม (แต่อาจจะถือว่าช้าไปบ้างสำหรับคอหวือหวา) อีกทั้งประเด็นที่เอามาเล่นก็ถือว่าน่าสนใจเลยล่ะครับ

Untitled07151

ธีมหลัก (หรือประเด็นคำถามหลัก) ของปีนี้ หนีไม่พ้นเรื่องศาลเตี้ยที่ต่อยอดจากปีแรก สิ่งที่แดร์เดฟวิลทำนั้นมันก็เป็นศาลเตี้ยสำหรับใครหลายคน แต่เขาก็พยายามขีดเส้นไว้ ไม่ให้ตัวเองล้ำ (นั่นคือพยายามที่จะไม่ฆ่าใคร) ในขณะที่ปีนี้การมาของแฟรงค์ แคสเซิล ก็ขับเน้นประเด็นนี้ให้น่าสนใจยิ่งขึ้น

วิถีของแฟรงค์นั้นคือการลงมือสังหารให้สิ้น ไม่ประนีประนอมยอมปล่อยให้ผู้ร้ายมีโอกาสมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะแฟรงค์ไม่คิดว่าจะมีผู้ร้ายรายไหนที่จะกลับตัวได้ ดีไม่ดีปล่อยไปพวกมันอาจกลับมาทำสิ่งเลวร้ายซ้ำอีกก็ได้

แต่กับแดร์เดฟวิลแล้วเขายังเชื่อในความดีของคน เชื่อว่าคนเลวแค่ไหนก็ควรได้รับโอกาสในการกลับตัว ดังนั้นการฆ่าเขาให้ตายก็คือการพรากโอกาสกลับตัวนั้นไปจากเขา ดังนั้นในปีนี้เราจะได้เห็นจุดตัดของอุดมการณ์ระหว่างแดร์เดฟวิลกับแฟรงค์ (หรือ พันนิชเชอร์ นั่นเอง) ผ่านบทสนทนาและการกระทำอยู่เนืองๆ

ปฏิเสธไม่ได้ครับว่าระหว่างดูนั้นก็สนุกกับการไตร่ตรองเหตุผลทั้งของฝั่งพี่แดร์และฝั่งพี่พัน ซึ่งตัวซีรี่ส์เองก็ไม่ได้ปล่อยให้ประเด็นค้างเสียอย่างนั้น แต่ช่วงท้ายๆ ก็ยังแอบสรุปประเด็นนี้อยู่กลายๆ ครับ นั่นคือมันต้องรู้จักเดินทางสายกลาง ควรเผื่อทางเดินไว้ให้ผู้ร้ายที่ยังพอมีหวัง และหากผู้ร้ายรายไหนมันเกินจะเยียวยา ก็ต้องหาทางจัดการมันแบบเด็ดขาดกันไป

บางครั้งอะไรที่มันขาวล้วนหรือดำสนิทก็ต้องปรับตัวให้เหมาะสม เมื่ออยู่ในโลกที่เป็นสีเทาเช่นนี้

ด้านการแสดงถือว่าทุกคนเล่นได้ดีหมดครับ ผู้มาใหม่อย่าง Bernthal ในบทแคสเซิล หรือ เดอะ พันนิชเชอร์ ก็เล่นได้พอเหมาะ ผมไม่ปฏิเสธครับว่าหน้าตาพี่เขาอาจไม่ได้ดูเด่น ไม่ได้ดูเท่ห์ ราศีไม่ได้จับ แต่ก็ถือเป็นการตีความคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจดีครับ ว่าเขานั้นเป็นคนธรรมดา ไม่ได้เป็นฮีโร่หล่อเท่ห์อะไร ก็เสริมความสมจริงให้ซีรี่ส์นี้ได้ดีและเข้ากันดีครับ

Yung ในบทอีเล็คตร้าก็มีเสน่ห์ไม่เลวครับ เพียงแต่ความเด่นแบบเต็มๆ ยังไม่มากเท่าพี่แดร์กับพี่พัน แต่ก็คาดว่าคงจะมีอะไรเยอะขึ้นในปีต่อๆ ไป

ถือเป็นซีรี่ส์แนวฮีโร่ที่ไม่ผิดหวังครับ ใครชอบสายแข็งเข้มข้นก็เชื่อว่าคงพอใจกันไปตามๆ กัน

สี่ดาวครับ

Star41

(9/10)