DAY SHIFT

รีวิว หนัง DAY SHIFT

รีวิว หนัง DAY SHIFT ภาพยนตร์แนวล่าแวมไพร์ที่ทำออกมาได้สนุกแต่หนีไม่พ้นสูตรสำเร็จ

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตามแต่สุดท้ายแล้วแวมไพร์ก็ยังคงเป็นความคลาสสิคที่อยู่ได้กับทุกยุคทุกสมัยอยู่ดี เป็นวิญญาณร้ายที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในสื่อบันเทิงทั่วไปไม่ว่าจะเป็นเกม นวนิยาย ภาพยนตร์ ซีรีส์ ความเหนือธรรมชาติของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความน่าสนใจทั้งความเป็นอมตะ หน้าตาดี กินเลือดมนุษย์เพื่อความอยู่รอด มันเป็นความโรแมนติกที่แฝงไปด้วยความสยองขวัญ ในขณะเดียวกันคู่แข่งของพวกเขาอย่างนักล่าแวมไพร์เองก็มีความน่าสนใจเช่นเดียวกัน มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยแม้แต่น้อยว่าทำไมตัวละครนี้ยังคงอยู่มาได้จนถึงปัจจุบันทั้งที่มีการสร้างออกมานับครั้งไม่ถ้วน 

ภาพยนตร์ที่เราจะพาทุกคนมาแนะนำกันในวันนี้อย่าง DAY SHIFT ก็เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่หยิบยกนำเอาเรื่องของแวมไพร์มาเล่าอีกครั้งเช่นเดียวกัน แต่จะเล่าผ่านมุมมองของนักล่าแวมไพร์ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ตัวฉกาจของเหล่าแวมไพร์แทน ต้องเตือนก่อนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์จอเล็กจาก STREAMING ชื่อดังอย่าง NETFLIX ดังนั้นมันจึงอาจจะไม่ได้มีงานสร้างที่ยิ่งใหญ่อลังการเทียบเท่ากับภาพยนตร์จอใหญ่ฉายในโรง ถึงอย่างนั้นก็ทำออกมาได้ค่อนข้างสนุกสนานดูเพลินไม่น้อยเลยทีเดียว 

หนังแวมไพร์ NETFLIX

แต่สิ่งที่น่าเสียดายของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือความสนุกของมันอาจจะยังไม่เพียงพอถึงขั้นที่สามารถซื้อใจผู้รับชมจะทำให้มันกลายเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามถึงขนาดนั้น ด้วยความที่เป็นภาพยนตร์ฟอร์มเล็กมันยังคงหนีออกจากวงเวียนคำว่าภาพยนตร์สูตรสำเร็จไม่ได้ แม้ว่าภาพยนตร์สูตรสำเร็จนั้นจะเต็มไปด้วยความสนุกสนานแต่เพราะว่ามันดำเนินเรื่องแบบเดิมๆ สำหรับใครที่ชอบก็ชอบไปเลย แต่สำหรับใครที่รู้สึกเบื่อก็จะเบื่อไปเลยเช่นเดียวกัน มันจึงนับว่าเป็นความเสี่ยงไม่น้อยสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เลือกจะนำเสนอในมุมมองแบบสูตรสำเร็จ หากพวกเขาสามารถก้าวข้ามผ่านความเป็นสูตรสำเร็จได้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีความน่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัวเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล หากคุณสนใจภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันว่ามันมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง 

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง DAY SHIFT

DAY SHIFT เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวของครอบครัวชนชั้นแรงงานคนหนึ่งที่มีคุณพ่อชื่อว่าบั๊ด เขานั้นทำงานอย่างหนักเป็นประจำทุกวันเพราะต้องการให้ลูกสาวมีชีวิตที่ดีขึ้น เขารู้ดีว่าลูกสาวของตนเองนั้นแตกต่างจากเด็กทั่วไป เธอทั้งฉลาดหลักแหลมและเต็มไปด้วยไหวพริบ หากเธอได้รับโอกาสรับรองว่าเธอจะไปได้อีกไกลและหนีออกจากชีวิตของชนชั้นแรงงานที่ต้องทำงานหนักและเต็มไปด้วยความลำบากได้อย่างแน่นอน 

เบื้องหน้าชายหนุ่มผู้นี้ทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดสระว่ายน้ำแห่งหนึ่ง เป็นงานที่ทั้งหนักและซ้ำซากจำเจ แต่ในความเป็นจริงแล้วงานดังกล่าวไม่สามารถจุนเจือครอบครัวได้ถึงขนาดนั้น เขาจึงมีอีกหนึ่งงานเสริมซ่อนอยู่ในเงามืดและมันก็เป็นแหล่งรายได้ที่แท้จริงให้เขาได้นำเอามาพัฒนาคุณภาพชีวิต นั่นก็คือการเป็นนักล่าแวมไพร์นั่นเอง 

ด้วยความที่มีทักษะในการต่อสู้ระดับหนึ่งทำให้เขาสามารถต่อสู้หรือแม้แต่ฆ่าเหล่าแวมไพร์ได้ตามความต้องการ เขาจึงทำงานให้กับสภาพนักล่าแวมไพร์นานาชาติ ในขณะที่ตอนเย็นเขาเป็นพนักงานทำความสะอาดสระว่ายน้ำหลังจากที่มีผู้คนมาใช้งานเป็นจำนวนมาก ในตอนกลางวันเขาจะมีโอกาสได้ออกล่าแวมไพร์และหารายได้เพื่อให้ชีวิตของลูกสาวเขาดีขึ้นกว่าเดิม แต่เรื่องไม่ง่ายแบบนั้น เพราะการเป็นนักล่าแวมไพร์นั้นเต็มไปด้วยความเสี่ยงมากมายซึ่งมันเริ่มจะพัวพันกับชีวิตครอบครัวของเขาแล้ว สุดท้ายเขาจะสามารถปกป้องครอบครัวของเขาเอาไว้ได้หรือไม่ ต้องไปติดตามรับชมกันต่อในภาพยนตร์

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง DAY SHIFT

DAY SHIFT เป็นภาพยนตร์ชิมลางเรื่องแรกของผู้กำกับหน้าใหม่ที่เดิมทีเป็นสตั้นท์แมนที่อยู่ในวงการมาอย่างยาวนานนับ 30 ปีอย่างเจ. เจ. เพอร์รี่ ผลงานชิ้นแรกของสตั๊นท์แมนที่ผันตัวมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างน่าพึงพอใจเลยทีเดียว เป็นภาพยนตร์ที่อยู่ในระดับมาตรฐาน อาจจะไม่ได้หวือหวาแต่ก็ถือว่าสอบผ่าน เนื่องจากเขาได้นำเอาประสบการณ์ที่สั่งสมมาเป็นเวลานานมาประกอบการจนออกมาเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้ และสิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดที่ผู้กำกับผู้นี้สามารถสร้างสรรค์ออกมาได้ก็คือฉากสตั้นท์ในภาพยนตร์ที่ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมสมกับประสบการณ์ที่ยาวนาน

ด้วยความที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แนวต่อสู้อยู่แล้ว ดังนั้นการออกแบบการต่อสู้จากสตั๊นท์แมนที่ทำงานดังกล่าวมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปีจึงเต็มไปด้วยความน่าสนใจ ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่เข้ามาจนสะเปะสะปะหรือทำให้รู้สึกน่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย ไม่เพียงเท่านั้นจากการไล่ล่ายังทำออกมาได้น่าตื่นเต้นเร้าใจเหมือนกับได้รับชมภาพยนตร์ FAST AND FURIOUS ก็ไม่ปาน 

น่าเสียดายที่ความดีพวกนี้กลับถูกกลบไปด้วยความเป็นภาพยนตร์สูตรสำเร็จที่ซ้ำซากจำเจเหมือนแค่นำเอาเรื่องราวมาจับวางต่อกันตั้งแต่ต้นจนจบเท่านั้น บทภาพยนตร์ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจเลยแม้แต่น้อย ไม่สามารถสร้างแรงดึงดูดให้ผู้รับชมรู้สึกอยากจะดูจนจบถึงขนาดนั้น ดูจบแล้วก็จบเลยไม่ได้สร้างความประทับใจที่ทำให้เรารู้สึกอยากจะชื่นชม แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้มีอะไรให้ด่าเช่นเดียวกัน โดยรวมแล้วก็ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่สนุกดีแต่ยังไร้ความสร้างสรรค์ที่สร้างความดึงดูดให้ผู้รับชมรู้สึกอยากจะดูต่ออย่างน่าเสียดาย

ตัวอย่างหนัง DAY SHIFT

รีวิวหนัง DAY SHIFT บางส่วนจาก trueid

เรื่องนี้บอกเลยว่าสนุก สะใจ เดินเรื่องไว ดูเพลิน! ผมเปิดดูด้วยความไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก เพราะรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้จะต้องมาในแนวแอ็คชั่น-คอมเมดี้ ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่กลับกลายเป็นว่า ผมโดนตกตั้งแต่ฉากแรกตอนเปิดเรื่องเลย คือฉากแอ็คชั่นตอนล่าแวมไพร์ทำออกมาได้ดีมาก บู๊แบบรวดเร็วแต่สะใจจริงๆ เอาหละมาเริ่มรีวิวกันดีกว่า บอกก่อนว่าพล็อตเรื่องนี้ไม่ได้ดีมีอะไรมาก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับน่าเบื่อ เรื่องราวยังมีความน่าติดตาม เพราะอยากจะรู้ว่า 2 คู่หูคู่นี้จะไปจบกันที่ตรงไหน แถมยังมีเส้นเรื่องหลักคือแวมไพร์ที่ตามล้างแค้น Bud ซึ่งแวมไพร์ตัวเดียวกันนี้ดันเป็นแวมไพร์ที่อยู่มาหลายร้อยปี แข็งแกร่งที่สุด และกำลังมีแผนจะยึดครองโลก โดยรวมถือว่าบทโอเค แต่ก็จะมีหลายๆ ฉากที่ไม่สมเหตุสมผลนัก ซึ่งส่วนตัวผมไม่ได้ติดอะไรเลย เพราะหนังแนวนี้ก็จะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เน้นดูเอาฮา กาวๆ เพลินๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก

ต่อมาด้านการดำเนินเรื่องบอกเลยว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลย ดำเนินเรื่องฉับไว สนุกพร้อมกับแทรกมุขตลกตลอดเวลา เข้าใจง่ายไม่ยืดเยื้อ ในส่วนการดำเนินเรื่องนั้นส่วนตัวผมค่อนข้างชอบเลย ต่อกันที่ด้านการแสดง ในส่วนนี้ผมถือว่าทำออกมาได้ดีตามมาตรฐาน ด้วยที่หนังมันเป็นแนวแอ็คชั่นคอมเมดี้ เลยไม่ได้มีฉากอะไรให้นักแสดงได้โชว์ฝีมือมากนัก เน้นตลกโปกฮาเป็นหลัก และคนที่ผมชอบที่สุดในเรื่องก็คงหนีไม่พ้นคู่เอกอย่าง Bud Jablonski (Jamie Foxx) และ Seth (Dave Franco) คู่หูที่ไม่น่าไปด้วยกันได้ แต่เคมีดันลงตัวซะงั้น ป๋า Jamie Foxx นี่ถ่อยและเท่ได้ใจจริงๆ คาแรคเตอร์ของแกในเรื่องนี้ก็คล้ายๆ กับเรื่องอื่นๆ ที่แกเคยแสดงมา คือเป็นพวกถ่อยไม่สนโลกและหยาบคาย ส่วน Dave Franco ก็แสดงได้ดีเช่นกัน ดูเนิร์ดมึนๆ แต่เข้าขากับป๋า Jamie ได้อย่างดี ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ก็แสดงได้ดีตามมาตรฐานเช่นกัน

มีอีกอย่างที่ชอบมากๆ ในหนังเรื่องนี้ คือการออกแบบตัวละครและฉากแอ็คชั่น เรื่องนี้ออกแบบตัวละครออกมาได้เจ๋งมาก คาแรคเตอร์ตัวละครแต่ละตัวค่อนข้างชัดเจนและเป็นเอกลักษณ์ ส่วนตัวผมชอบ 2 พี่น้อง Nazarian ที่มาร่วมงานกับพวกพระเอกตอนกลางเรื่อง เพราะมันเป็นคู่หูดูโอ้ที่โคตรจะเท่ แถมโหดจัดๆ มีเอกลักษณ์ชัดเจนดีด้วย ส่วนในด้านฉากแอ็คชั่นก็ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ ออกแบบฉากแอ็คชั่นมาได้ดี คือจัดเต็มแบบไม่มีกั๊ก ความเวอร์แบบเต็มสิบ ซึ่งผมรับได้มากๆ เพราะในเมื่อมาแนวเวอร์แล้วก็ไปให้สุดเลย มีฉากเวอร์แต่สะใจให้เราได้ดูตลอดทั้งเรื่อง ถือว่าแจ่มมากๆ ส่วนสุดท้ายคือด้านงานภาพและโปรดักชั่น ในส่วนนี้ถือว่าทำได้ดีในระดับนึง แต่ไม่ได้ถึงกับดีเยี่ยมจนน่าจดจำ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับแย่ โดยรวมคือเป็นหนังที่ดูสนุก ดูเพลิน เน้นดูเอาฮาแก้เครียด อยากให้ทุกคนได้ลองไปดูกัน ท้ายสุดนี้ผมขอให้คะแนนภาพยนตร์เรื่อง Day Shift (งานต้องล่า) เอาไว้ที่ 7/10 คะแนน