Day Shift เป็นหนังดูง่าย เล่าง่าย เขียนง่ายครับ สรุปสั้นๆ ว่าเป็นหนังแอ็กชันล่าแวมไพร์ที่ดูได้เพลินๆ เอามันส์เป็นหลัก มีความฮาแทรกลงไป จัดว่าโอเคตามมาตรฐานของหนัง Netflix น่ะครับ
Jamie Foxx เป็นบั๊ด จาบลอนสกี้ที่ดูเผินๆ จะนึกว่าเป็นคนทำความสะอาดสระว่ายน้ำ แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นนักล่าแวมไพร์มือดี และจากการล่าครั้งล่าสุดก็นำพาให้เขาต้องไปเผชิญกับออเดรย์ ซาน เฟอร์นานโด้ (Karla Souza) เจ้าแม่แวมไพร์ที่กำลังขยายฐานอำนาจในเมืองอยู่ และเธอก็หมายหัวจะเล่นงานบั๊ดแบบเอาเป็นเอาตายเลยล่ะ
ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของหนังก็ออกจะเรื่อยๆ หน่อยครับ สารภาพเลยว่ามีสัปหงกอยู่เหมือนกัน แต่แล้วก็มีเหตุให้ตาสว่างตื่นขึ้นมา… เปล่าครับ ไม่ใช่เพราะหนัง แต่เพราะผมเกือบทำรีโมทหล่น พอดีมันสัปหงกจนมือไถลไปโดนรีโมท เกือบร่วงพื้นแน่ะ ดีที่คว้าทัน เท่านั้นล่ะตาตื่นขึ้นมาทันที – แต่ก็ถือว่าพอดีครับที่หนังเริ่มเข้ารูปเข้ารอย มีอะไรฮาๆ และมันส์ๆ มาให้ตามดู ทีนี้เลยตื่นยาว
การดูหนังเรื่องนี้ก็ตอกย้ำความเป็นหนัง Netflix ครับ คือสเกลมันจะไม่ใหญ่ แม้เรื่องนี้จะลงทุนเป็นร้อยล้านก็ตาม แต่สเกลมันดูจำกัด พล็อตเรื่องก็จะไม่ค่อยใหญ่ หรือต่อให้พล็อตไปใหญ่แค่ไหน แต่ก็จะโดนจำกัดด้วยขนาดของฉาก ด้วย Vision บางอย่าง มันจะดูไม่บิ๊กไม่เบิ้ม ไม่เหมือนหนังฉายโรงที่บางทีขนาดพล็อตอาจไม่ใหญ่ แต่งานภาพงานฉากมันจะสเกลใหญ่ ทำให้หนังดูมีอะไรมากกว่า – จนอดคิดไม่ได้น่ะครับว่าหนัง Netflix ส่วนใหญ่ดูแล้วจะได้อารมณ์คล้ายหนังทีวี สเกลมันโดนจำกัดจนแทบจะถือเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวไปแล้ว
ดูเรื่องนี้แล้วชวนให้นึกถึงเรื่อง Bright ครับ หลายอย่างมาทางเดียวกัน สเกลก็ประมาณเดียวกัน แต่ผมก็ชอบเรื่องนี้มากกว่าหน่อย อย่างที่บอกน่ะครับว่าดูเอามันส์ได้ มีฮาแทรกมาเนียนๆ นักแสดงในเรื่องก็ถือว่ามาพร้อมสีสัน ไม่ว่าจะ Foxx ที่ลื่นไปกับบทได้ดี สมทบด้วย Dave Franco ในบทเซ็ธ รายนี้ก็ถือว่าเป็นลูกคู่ได้เหมาะ – แล้วพากย์ไทยก็พากย์คู่นี้ได้เหมาะมากๆ ด้วย, Snoop Dogg ก็มาเท่ห์ตามสไตล์ ส่วนสาวสวย Natasha Liu Bordizzo ช่วงแรกๆ จะยังไม่ค่อยมีบทครับ จนมาครึ่งหลังถึงได้เริ่มมีพื้นที่ ซึ่งแม้เธอจะไม่ถึงกับขโมยซีน แต่ก็ไม่โดนกลืนจนหายไป เพียงแต่บทของเธออาจจะรวบรัดหน่อยเท่านั้นแหละ
ไปๆ มาๆ คนที่ได้ใจผมกลับเป็น Steve Howey และ Scott Adkins ที่มาเป็นพี่น้องคู่เดือดตระกูลนาซาเรี่ยน ช่วงที่พวกเขาปรากฏตัวนี่ดีกรีความมันส์เพิ่มขึ้นหลายขีดครับ ส่วนหนึ่งเพราะพวกพี่เขาเป็นนักบู๊อาชีพอยู่แล้ว ลีลาเวลาลุยเลยไว้ใจได้ ออกมามันส์ได้ใจจนน่าจดจำ อีกคนที่ขอพูดถึงหน่อย เพราะเห็นหน้ากันมานาน นั่นก็คือ Peter Stormare ที่ไม่ว่าจะโผล่ในหนังเรื่องไหน บทมากน้อยแค่ไหนก็จะขโมยซีนได้เสมอ
ช่วงต้นก็ทนนิดนึงครับ ตามสไตล์หนังแนวนี้แหละ (และตามปกติของหนัง Netflix) ตอนต้นมันจะเรื่อยๆ ยังไม่ค่อยมีอะไร เป็นการปูพื้นแนะนำตัวละคร ต้องรอผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงอะไรๆ ถึงจะค่อยน่าสนใจขึ้นบ้าง แต่ก็นั่นแหละครับ ความน่าสนใจที่ว่ามันจะไม่ถึงกับสุดๆ มันจะเหมือนโดนจำกัดวงเอาไว้ ไม่ใหญ่ ไม่แกรนด์ ไม่สุด แต่มันก็ตอบโจทย์ความบันเทิงได้อยู่ครับ (หรือไม่ผมก็คงจะชินกับการดูหนัง Netflix ไปแล้วล่ะครับ ดูปุ๊บปรับความคิดหวังปั๊บว่าหวังได้แค่นี้ จะหวังมากกว่านี้ไม่ได้)
หนังกำกับโดย J.J. Perry สตันท์แมนผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมากว่า 30 ปีครับ แล้วก็ไต่เต้ามาเป็นผู้กำกับกองสองให้หนังอย่าง Spy, Skyscraper, Fast 8กับ Fast 9 และเรื่องนี้คือผลงานกำกับชิ้นแรกของเขา ก็ถือว่าไม่เลวครับสำหรับการเปิดตัว
และถ้าว่ากันจากใจจริงแล้ว ผมก็อยากดูภาคต่อนะ มันก็เพลินดี และตัวละครก็ยังเล่นอะไรต่อได้อีก เช่นเดียวกับรายละเอียดต่างๆ ในเรื่อง ไม่ว่าจะสายพันธุ์ของแวมไพร์ หรือองค์กรนักล่า ถ้าผูกเรื่องดีๆ วางพล็อตดีๆ มันก็น่าสนุกน่าตามต่ออยู่ครับ และเอาเข้าจริงๆ หนังก็ยังมีอะไรอีกหลายจุดที่ยังอธิบายไม่เคลียร์ด้วย ก็ไม่รู้ว่าตั้งใจจะเอาไว้เล่าในภาคต่อหรือเปล่า ก็รอดูกันต่อไปครับ
สองดาวกว่าๆ ครับ
(6.5/10)