Furioza (Netflix) หนังแก๊งสเตอร์วิถีนักเลงตัวจริงดิบเถื่อนด้วยหมัดลุ่นๆ

Furioza หนังแก๊งสเตอร์จาก Netflix โปแลนด์ เรื่องราวของหมอที่ต้องแฝงตัวเข้าไปในแก๊งนักเลงใหญ่ที่สุดในเมือง เพื่อหาหลักฐานช่วยพี่ชายของเขาที่เป็นหัวแก๊งจากการตกเป็นเป้าหมายของตำรวจ แต่ก็ทำให้เขาค้นพบว่าแก๊งของพี่ชายมีศักดิ์ศรีและเป็นนักเลงตัวจริงที่หายากในปัจจุบัน จนกลายมาเป็นความรู้สึกผูกพันกับชาวแก๊งที่เขาเองก็คาดไม่ถึง

ตัวอย่าง Furioza

เรื่องราวอื่นที่น่าสนใจ

รีวิว Swarm อเมริกันไซโคเด็กสาวผิวดำ Gen Z (ไม่สปอยล์)

รีวิว Carnival Row SS2 ไฟนอลซีซั่นที่คงคุณภาพงานทุกอย่างไว้ได้เป็นอย่างดี (ไม่มีสปอยล์)

หนังเรื่องนี้เป็นหนังลงโรงในโปแลนด์เมื่อปลายปีที่แล้ว ก่อนที่เน็ตฟลิกซ์จะซื้อมาลงระบบ ซึ่งตอนฉายโรงก็ได้รับคำชื่นชมไม่น้อย ในแง่ความดุเดือดสมจริงในมุมของหนังแก๊งสเตอร์ แต่เรื่องนี้ไม่ได้ทำในแนวสงครามแก๊งฆ่าฟันกันแบบที่เราเห็นกันมาก่อน แต่เป็นแนวแก๊งลูกผู้ชายดิบๆ อัดกันดุ้นๆ โดยไม่มีการใช้อาวุธ เรียกว่าเป็นหนังแนวสปิริตลูกผู้ชายตัวจริงอะไรทำนองนั้น แล้วเรื่องราวก็ยังวางตัวในแนวนักเลงสุจริตชนที่ทำมาหากินตามปกติอีกด้วย

หนังเริ่มเรื่องด้วยการแฝงตัวเข้าไปเป็นสายให้ตำรวจของเดวิด ตัวเอกที่เป็นหมอและก็เป็นน้องชายของหัวหน้าแก๊งฟูริโอซ่าที่เป็นชื่อเรื่องนี้ ซึ่งเขาไม่เคยได้เข้าร่วมแก๊งกับพี่ชายเพราะถูกขับออกมาตั้งแต่วัยรุ่นเพราะเป็นคนใจไม่สู้ เรื่องราวในช่วงแรกคือการเข้าไปทำงานหาข่าวให้ตำรวจเพื่อสืบว่าใครที่แอบติดต่อกับพ่อค้ายาเสพติดจากต่างประเทศ แต่เดวิดกลับค่อยๆ ได้เรียนรู้วิถีของชาวแก๊งที่พี่เขาคุมอยู่ว่ามันไม่ใช่แก๊งอาชญากรรมแบบที่คนภายนอกมองเห็น แต่เป็นแก๊งที่มีหลักการเข้มงวดว่าจะไม่ใช้อาวุธทำร้ายใคร ไม่รังแกใคร มีเรื่องกับนักเลงด้วยกันที่เป็นแก๊งคู่อริกับฟูริโอซ่ามาช้านานเท่านั้น และยังหากินโดยสุจริตกับการเป็นการ์ดคุมสถานที่บันเทิงต่างๆ ในเมือง รวมถึงยังช่วยผลักดันทีมสโมสรฟุตบอลของเมืองให้เป็นแหล่งอาชีพสุจริตของชาวแก๊งอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งตัวหนังใช้เวลาปูเรื่องราวชีวิตชาวแก๊งฟูริโอซ่ายาวนานเกินครึ่งเรื่อง (หนังยาว 2 ชั่วโมง 20 นาที) และก็ค่อนข้างทำได้สำเร็จ เพราะผู้ชมเองก็คงรู้สึกเลยว่าวิถีของนักเลงแบบแก๊งนี้คืออะไรที่น่าเคารพชื่นชมอยู่เหมือนกัน แม้จะรู้สึกว่าแก๊งในเรื่องนี้ทำตัวเหมือนเด็กวัยรุ่นที่ห้าวๆ แต่หนังก็มีเรื่องเล่าอธิบายออกมาในมุมของนักเลงให้เราเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงเลือกใช้ชีวิตแบบนี้กัน และก็ยังมีเรื่องราวว่าทำไมพี่ชายของเดวิดถึงต้องมาเป็นหัวหน้าแก๊ง ทั้งๆ ที่เขาก็มีครอบครัวที่น่ารักอบอุ่น แต่กลับวางมือจากการคุมแก๊งไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเงิน แต่เป็นเรื่องความเป็นห่วงในฐานะพี่ใหญ่ที่เติบโตมากับพวกเขาตลอด ซึ่งตัวเรื่องทำให้เราเข้าใจในวิถีตัวตนของนักเลงแท้ๆ แบบที่หาไม่ได้ในปัจจุบัน

จุดเด่นของเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบทการแฝงตัวเข้าไปแบบสายลับสองหน้าอะไรแบบนั้น แต่เป็นความดิบเถื่อนอัดกันดิบๆ ของฉากบู๊ในเรื่องนี้ ทั้งฉากต่อสู้กันเล็กๆ บนสังเวียนแบบ MMA ทีม การนัดต่อสู้กันในป่าเป็นศึกใหญ่ของแก๊งที่ทำออกมาดิบสุดๆ หรือการที่ตำรวจหญิงในเรื่องที่เป็นเพื่อนของพระเอกก็เป็นตำรวจสาวห้าวดิบๆ ไม่เน้นปืน แต่เน้นต่อยตีกับผู้ชายด้วยหมัดมวยล้วนๆ ตัวหนังหาจังหวะใส่ฉากพวกนี้มาได้เนียนๆ ไปกับเรื่องราวได้ดี โดยที่ไม่ได้มีอาวุธมาเกี่ยวข้อง จะเป็นการต่อสู้แบบคิกบ็อกซิ่งกับ MMA รวมกันโดยส่วนใหญ่ ซึ่งจุดนี้เองที่เรื่องทำออกมาดุเดือดจนได้รับคำชมอย่างมาก และก็ช่วยทำให้วิถีของแก๊งฟูริโอซ่าที่ไม่ใช้อาวุธดูมีพลังปลุกเร้าอารมณ์เข้ากับเรื่องได้ดีขึ้นไปอีก

แต่สิ่งที่เรื่องนี้อ่อนไปคือบทการเป็นสายให้ตำรวจไม่ค่อยมีอะไรมาก แล้วก็ค่อนข้างเป็นสูตรสำเร็จแนวนี้มากด้วย เมื่อพระเอกที่เป็นสายกลับเริ่มค่อยๆ เข้าใจและเปลี่ยนตัวตนมาเป็นชาวแก๊งจริงๆ จนไม่ค่อยยอมให้ความร่วมมือกับตำรวจ ลูกน้องในแก๊งเองก็เริ่มทรยศหักหลังเพราะอยากรวยลัดรวยเร็วไม่ซื้อแนวทางของพี่ชายพระเอกที่พยายายามให้ทุกคนไม่มีปัญหากับกฎหมาย ซึ่งพล็อตแนวนี้ถือว่าซ้ำมากในยุคนี้ ยิ่งคนไทยคงได้ดูพวกหนังฮ่องกงมาเยอะ แนวมิตรภาพชาวแก๊งนี่คือสูตรสำเร็จที่เก่ามากๆ แต่เรื่องนี้ก็ยังเอามาใช้และก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปมาก นอกจากการใส่ตัวละครเพื่อนสาวของพระเอกที่เป็นตำรวจมาช่วยทำให้เรื่องดูมีแนวรักเพิ่มเข้ามานิดๆ เท่านั้น

แม้เรื่องช่วงท้ายอาจจะดูเป็นสูตรสำเร็จเดาได้ง่ายๆ แต่หนังก็ยังมีฉากจบที่ถือว่าทำได้ดีในแง่ที่สะท้อนถึงปัญหาความยุติธรรมที่บิดเบี้ยวจากตัวตำรวจเอง ที่ทำงานเอาหน้าเอาชื่อเสียงมากกว่าความตั้งใจจริงในการแก้ปัญหาอาชญากรรม ซึ่งตำรวจควรจะต้องขอบคุณแก๊งแบบฟูริโอซ่าเสียด้วยซ้ำที่ช่วยจัดระเบียบอะไรหลายๆ อย่างในเมืองให้เข้าที่ลงตัว แต่เพราะการทำงานแบบเอาหน้ามีใบสั่งมาให้ทำ ทำให้ปัญหาแก๊งอาชญากรรมในเรื่องก็ไม่มีวันหมดไป และตัวเดวิดเองก็ได้รับผลจากการกระทำนี้ด้วยในตอนท้าย ออกจะเป็นฉากจบที่อึนๆ ติสๆ ปลายเปิดให้คนดูไปคิดเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวละครนี้ ที่ตอนจบเรื่องกับตอนเปิดเรื่องคือเชื่อมต่อกัน ซึ่งคนดูไม่ได้สังเกตุเลยจนจบแล้วย้อนไปดูใหม่ตอนแรกถึงรู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่เราดูคือแฟลชแบ็คที่พระเอกคิดนั่นเอง

สรุป Furioza สนุกและดีไหม

ตัวหนังยาวมากแต่ก็ดูแบบเพลินๆ ได้ ไม่น่าเบื่อ เพียงแต่เรื่องราวค่อนข้างเฉพาะกลุ่มคนที่ชอบแนวแก๊งสเตอร์ลูกผู้ชายดิบๆ อะไรแบบนี้สักหน่อยเท่านั้น