Herbie Goes to Monte Carlo (1977) รถมหาสนุก ตอน มอนติคาโล อลเวง

1385051486

เรื่องราวตอนที่ 3 ของหนังชุด “รถมหาสนุก” (The Love Bug) ที่มีตัวเอกคือเจ้าโฟล์ครถเต่าหมายเลข 53 นามว่าเฮอร์บี้เป็นตัวชูโรงครับ คราวนี้เฮอร์บี้กลับมาอยู่กับจิม ดักลาส (Dean Jones) นักแข่งรถจากภาคแรกอีกครั้ง และเป้าหมายใหม่ของพวกเขาคือเดินทางไปชิงชัยในงานแข่งรถที่เมืองมอนติคาโล ซึ่งเจ้าเฮอร์บี้นั้นก็เร็วไม่แพ้ใคร การจะคว้าชัยย่อมไม่ใช่เรื่องยาก

แต่ปัญหาคือรอบนี้เฮอร์บี้ดันตกหลุมรักรถสาว ยี่ห้อแลนเซีย มอนติคาโล ปี 1977 เข้า ทำให้เฮอร์บี้ไม่มีกะจิตกะใจจะแข่งเลยครับ เอาแต่จะหาทางจีบรถสาวแสนสวยคันนั้นอย่างเดียว อีแบบนี้จิมก็ลำบากใจน่ะสิครับ

แล้วไหนจะมีคู่หูหัวขโมย (Roy Kinnear และ Bernard Fox) ที่เพิ่งขโมยโคตรเพชรมาหมาดๆ ทีนี้พอจวนตัวก็จำเป็นต้องเอาไปซ่อนไว้ก่อน แต่พวกพี่แกซ่อนที่ไหนไม่ซ่อน ดันซ่อนโดยใส่เพชรลงในช่องเติมน้ำมันของเฮอร์บี้ ทำให้จิมต้องเจอศึก 2 ด้านครับ ทั้งจากเจ้าของรถแลนเซียคนสวยที่เข้าใจผิดคิดว่าจิมไม่หวังดีต่อเธอ ตามด้วยโดยการตามล่าจาก 2 โจรอ้วนผอมที่ตามกัดเฮอร์บี้แบบไม่ยอมปล่อย… แล้วแบบนี้พวกเขาจะแข่งชนะได้ไหมเนี่ย?

ว่าแบบไม่อ้อมค้อม ผมว่าความสนุกของหนังชุดนี้จะลดลงตามลำดับครับ ส่วนหนึ่งอาจเพราะครั้งนี้ผู้กำกับไม่ใช่ Robert Stevenson อีกแล้ว แต่เป็น Vincent McEveety ผู้กำกับที่คลุกคลีอยู่กับหนังทีวีเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าถามว่าดูสนุกไหม ผมว่าก็ยังดูได้ครับ เพลินๆ ฮาๆ อย่างน้อยการแสดงของ Jones กับ Don Knotts ที่มารับบทเป็นคู่หูของจิมก็ยังช่วยเรียกเสียงฮาได้เป็นระยะๆ แล้วไหนจะได้บรรยากาศดีๆ วิวสวยๆ ของเมืองมอนติคาโลของจริงมาช่วยดึงดูดความสนใจด้วย โดยรวมหนังเลยออกมายังพอสนุกอยู่ครับ เพียงแต่ถ้าเทียบกับ 2 ภาคก่อน รสชาติอาจไม่กลมกล่อมเท่า

ที่ว่าไม่กลมกล่อมก็เพราะ 2 ภาคก่อนผมว่าหนังมีของดีอยู่หนึ่งอย่าง นั่นคือ “จังหวะแห่งความอ่อนโยน” ครับ มันจะมีวาระให้ตัวละครมาแสดงความอ่อนโยน แสดงความน่ารัก มันจึงมีกลิ่นอายแห่งความอบอุ่นเจืออยู่ แม้ในฉากที่มีการยิงมุขสร้างเสียงหัวเราะ แต่หนังก็ยังแอบสอดแทรกความอบอุ่นลงไป ซึ่งผมว่านั่นเป็นอะไรที่ฉลาดครับ เพราะในฉากสักฉากหนึ่งหากเรา (หมายถึงคนทำหนัง) เอาแต่เน้นขำอย่างเดียว ถ้ามุขมันแป๊กก็เป็นอันหมดกัน แต่ถ้าฉากนั้นมีทั้งความขำและความอบอุ่นแทรกลงไป แม้จะพลาดทำออกมาไม่ขำ แต่อย่างน้อยคนดูก็อาจจะยังรู้สึกโอเคกับความอบอุ่น กับความน่ารักของตัวละครที่หนังใส่ลงไป

แต่กับภาคนี้อย่างที่บอกครับว่าเน้นขำ เน้นฮา ไม่มีการแทรกอารมณ์อบอุ่นลงไปกันเหนียวสักเท่าไร ดังนั้นพอหลายๆ ฉากที่มันไม่ได้ขำอะไรมากมาย มันเลยกลายเป็นอารมณ์ประมาณว่า “ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป”

ภาคนี้พลังดารามีผลเยอะครับ เพราะดาราดีๆ ช่วยกันแสดงเรียกเสียงฮา เสียแต่ว่าไม่ค่อยมีความลึกเท่าภาคก่อนๆ ขนาดบทจิมเองก็ยังดูธรรมดาหากเทียบกับภาคแรก ที่จิมมีโอกาสได้แสดงอารมณ์ ความรู้สึก น้ำใจ หรือความสำนึกผิดมากกว่า นั่นทำให้ตัวละครจิมในภาคแรกมีอะไรให้ระลึกถึงและจดจำมากกว่า (อย่างตอนเขาวิ่งไปขอโทษเฮอร์บี้ที่สะพานเป็นต้นครับ จังหวะหนังมันได้อารมณ์ไม่น้อยทีเดียว) นอกจากนี้นางเอกประจำตอนอย่าง Julie Sommars ก็ถือว่าเป็นสาวมั่นสมบทครับ แต่ไม่ค่อยได้มีวาระซึ้งๆ แบบนางเอกภาคแรก

Jacques Marin ในบทสารวัตรบูเชต์นี่ก็ฮาได้เยอะครับ แต่คนที่เรียกเสียงฮาหนักสุดต้องยกให้ Xavier Saint-Macary ในบทนายตำรวจฟอนเตนอยด์ ที่มาทีไรก็ทำหน้ายิ้มๆ พูดจาซื่อๆ (เหมือนประมาณพวกลูกน้องของสารวัตรคลูโซแห่ง The Pink Panther น่ะครับ) แค่นี้ก็ได้ใจได้ฮาไปหลายดอกเหมือนกัน

สรุปว่าดูได้โดยขอเพียงไม่ต้องคิดมากครับ คิดซะว่าดูเจ้ารถเต่ามหาสนุกหมายเลข 53 แล่นแซงหน้ารถแข่งรุ่นใหม่ๆ ให้เราขำเล่นก็แล้วกันครับ

สองดาวกว่าครับ

Star21

(6.5/10)

Untitled03902

SHARE THIS: